ร้องเรียนเป็นรวยได้
ความจริง
ชื่อหนังสือไม่น่าใช้ถ้อยคำเช่นนี้
เพราะผู้อ่านอาจเข้าใจว่าหมายถึง
การร้องเรียนเพื่อความร่ำรวย
เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทอง
หรือร้องเรียนเป็นอาชีพ
เป็นหนทางหนึ่งสู่ความมั่งมี
ดูจะหน้าเงินไปหน่อย
ทั้งที่ความจริง
เนื้อหาภายใน
หาใช่เช่นนั้น
และผู้เขียน
ก็ดูจะไม่ใช่คนเช่นนั้นเสียด้วย
เล่มนี้
พี่อาร์ตี้ตั้งใจไปซื้อ
เนื่องจากเห็นครั้งแรกตอนร้านนายอินทร์เอามาวางหน้าร้านเพื่อจัดรายการ
ซื้อ 1
แถม 1
แต่วันที่เห็น
เค้ากำลังจัดอยู่
และรายการยังไม่เริ่ม
(เริ่มวันรุ่งขึ้น)
จึงได้แต่เล็ง (ยังไม่ซื้อเจ้าค่ะ ฮ่าๆๆ)
และกลับไปควานหาอีกครั้งเมื่ออาทิตย์ต่อมา
(เกือบหาไม่เจอ
เกือบไม่ได้อ่าน ไม่ได้รวยซะแร้ว หุๆ)
ความจริง
เรื่องพวกนี้ เป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ
แต่ก็เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ละเอียดอ่อน
และไม่ค่อยจะเข้ากับนิสัยคนไทยมากนัก
เพราะคนไทยอ่อนโยน
มีน้ำใจ ให้อภัยเป็นที่หนึ่ง
ผิดพลาดนิดๆ
หน่อยๆ ก็ยอมๆ กันไป
หรือแท้แล้ว
คนไทยอาจขี้เกียจเกินไป
ที่จะต่อความยาวสาวความยืด
ให้มันยิ่งย้วย ยิ่งหมาดบาง
ยิ่งเสียเวลา
ทั้งที่ความจริงในใจ
ก็ไม่ได้อยากจบหรอก
แต่กลัวว่า
ถ้าเรียกร้องไป
ถ้าถามไป
จะโดนอีกฝ่ายหรือฝ่ายที่สาม
(ผู้มุงดูเหตุการณ์)
กล่าวหาว่าเป็นเจ๊
ขี้เหนียว
เรื่องมาก ขี้วีน
เล็กๆ
น้อยๆ ก็ทำให้เป็นเรื่อง ทำให้ดราม่า
ทั้งที่บางเรื่อง
มันมิใช่เรื่องเล็กน้อย
หรืออาจเสียหายเล็กน้อย
แต่ถ้าการกระทำอันทำให้เกิดความเสียหายนั้น
เกิดจากความจงใจ
ตั้งใจเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น
หรือทำงาน
ให้บริการด้วยความมักง่าย
ชุ่ย หรือทำส่งๆ ไป
ตามลักษณะการทำงานเช้าชามเย็นชาม
นั่นก็เรียกได้ว่า
ไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่งแล้ว
ก็ถูกต้องแล้ว
ที่ถูกวีน ถูกไต่ถาม
ถูกซักไซ้อย่างละเอียด
และอาจถูกด่าได้โดยชอบ
ยกตัวอย่างจากในหนังสือเช่น
หมอรักษาคนไข้ที่ผิวหนังเป็นผื่นแดงโดยการถามตอบๆ
และจดเอาๆ โดยไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาดูลักษณะผิวหนัง
หรือตุ่มผื่นเลยสักนิด
(นึกว่านั่งทำข้อสอบที่เป็นเปเปอร์อยู่ว่างั้น)
หรือ
ร้านอาหารไม่ติดราคาอาหาร แล้วคิดราคาแพงหูฉี่อย่างโอเวอร์
(ผู้เขียนแกล้งสวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่จากเชลล์ชวนชิม
ขู่ว่าจะปลดป้าย ถ้าไม่ติดราคา
เจ้าของร้านอาหารจึงกลัวและติดป้าย
ซึ่งราคาที่ติดก็ต่ำว่าราคาที่ชาร์จตอนไม่ติดถึงเกือบเท่าตัว
ประมาณว่า ตั้งใจโกงชัดๆ)
หรือ
ประกันเบี้ยว บ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยเมื่อเราเกิดเจ็บป่วย
ทั้งที่โรคนั้น ก็มิใช่โรคที่เข้าข่ายข้อยกเว้นที่จะไม่จ่าย
บลา บลา บลา
เมื่อเราอยู่ในฐานะผู้เสียหาย
เราก็ย่อมมีสิทธิเรียกร้อง
แต่ถ้าใครจะไม่เรียกร้อง
เพราะกลัวจะไม่เป็นคนดี
ไม่เป็นคนมีน้ำใจ
ไม่เข้าลักษณะการเป็นคนไทยอย่างถูกต้อง
ก็ปล่อยเขาไปเสียเถิด
แต่ขออย่างเดียว
เมื่อคุณเลือกที่จะไม่มีปากมีเสียง
หรือไม่กล้าที่จะยืดหยัดเรียกร้องความถูกต้องในชีวิตจริง
ก็อย่าได้มาทำเป็นคนดีมีความคิดในโลกเสมือนจริง
ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค
คือ
อย่าทำตัวเป็นนักเลว เย้ย
นักเลงคีย์บอร์ด
เก่งแต่พูด
และโลกสวยอย่างงี่เง่า
และอย่ามาก่นด่าว่าสังคมนี้มันอยู่ยาก
ในเมื่อการนิ่งเฉยต่อความอยุติธรรมที่พวกคุณๆ เราๆ กำลังทำนั่นแหละ
คือวิถีหนึ่งของการปล่อยความผิดให้ลอยนวล
ปล่อยความชั่วให้งอกงาม
แล้วเช่นนั้น
จะไปโทษ
ไปก่นด่า ไปเรียกร้องเอาผิดกับใครได้
สิ่งทีผู้เขียนยึดมั่นถือมั่นนี้
ข้าพเจ้าเห็นด้วยที่สุดแล้ว
หากแต่
ถ้าจะเปลี่ยนชื่อหนังสือสักนิด
ก็น่าจะเข้าท่าและขายได้ดีกว่านี้นะเออ
เหอๆ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151989496739389&set=a.10150156650429389.287983.683889388&type=1&theater
ตอบลบลองอ่านคอมเม้นท์นี้ดูนะคะ
อ่านเรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณที่อุตส่าห์แวะมาเล่าสู่กันฟังนะคะ เข้าใจความรู้สึกค่ะ สู้ๆ นะคะ ทำดีแล้วก็ทำต่อไป อย่าไปหวั่นไหวกับอะไรที่เราไม่ได้เป็น หนังสือเล่มนี้เราอ่านแล้ว ก็เลือกเก็บเฉพาะข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ แต่ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมเกลียดชังวิชาชีพของพวกคุณ คนใกล้ตัวเราก็เป็นหมอ เป็นหมอฟันกันพอสมควร เห็นพวกเขาเหนื่อยทั้งหน้าที่การงาน ซ้ำยังต้องรับมือกับปัญหาจุกจิกพวกนี้ แต่ก็อย่างว่านะคะ วิชาชีพไหนก็เจอกันทั้งนั้น วงการแพทย์ไม่ได้กระเทือนอยู่วงการเดียวหรอกค่ะ
ลบด้วยรัก
^____^
เรารีบหามาอ่านเพราะได้ข่าวจาก.fb ของ.บันทึกหมอโหด.ว่าพวกหมอเดือดร้อนกันมาก.เพราะเราก็มีญาติเป็นหมอเหมือนกัน.แต่อ่านแล้วกลับชอบและรู้สึกเหมือนคุณ.lazy lady. แล้วเลยพาลเห็นใจคนแต่งทีโดนหมอเลวบางคนด่าเสียยับเยินทั้งที่ยังไม่ได้อ่านเลย ที่บอกว่าเลวเพราะใช้ถ้อยคำหยาบคาย.ถ่อยสุดๆ.จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหมอจริงๆ.โดยเฉพาะคนที่ใช้ชื่อว่า.นวพนธ์.ปิยธรรมวุฒิกุล. กลัวจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ.อ้างตัวเป็นหมอหากิน.เพราะถ้าหมอด่าคนได้ขนาดนี้.คงไม่มีใครกล้าไปรักษาด้วยแหง.ใครอยู่ในวงการแพทย์ช่วยบอกทีว่ามีหมอชื่อนี้หรือเปล่า.คือเดือดร้อนแทนหมอดีๆ น่ะ.ไม่อยากให้คนเสียความรู้สึกกับหมอน่ารักๆ.แบบญาติเราอ่ะ
ลบใช่ค่ะ บางคนแสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำหยาบคายและรุนแรงสุดๆ ทั้งที่ยังไม่ได้อ่าน (เราก็เชื่อว่าในบรรดาคนที่ด่าจริงจังเนี่ย ยังไม่ได้อ่านจบทั้งเล่มหรอก เห็นแค่หน้าที่เขาถ่ายมาหน้าเดียวนั่นแหละ) แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เป็นสิทธิของเขาที่จะคิดและมองโลกแคบๆ แบบนั้น เป็นเรื่องของเขาที่จะตัดสินอะไรจากข้อมูลแค่ไหน เพื่อนเราที่เป็นหมอ ก็แชร์มาด่าในหน้าเฟสของตัวเอง เราก็ไม่เข้าไปยุ่ง เพราะถ้ายุ่งก็อาจต้องยุ่งไปอีกเยอะ เราแค่เข้าไปแสดงความเห็นบางมุมเอาไว้ใต้รูปนั้น เผื่อว่าใครหลายคนจะยอมอ่านอีกมุมของเราบ้าง ของแบบนี้ให้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลไปดีกว่านะคะ เดี๋ยวนี้ดราม่าเรื่องต่างๆ มีเยอะเพราะคนมีหลายประเภท เราไปตามถกเถียงกับใครต่อใครไปก็เท่านั้น แล้วเราก็คิดว่า คนที่แสดงความเห็นรุนแรง ไม่ได้มีแต่หมอชื่อนี้ และคนที่แสดงความเห็นแบบนี้ก็อาจทำไปด้วยปัจจัยหลายอย่างต่างกัน บ้างโกรธ บ้างขาดสติ บ้างรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนดูถูก ซึ่งเราก็คิดว่าจะเอาถ้อยคำพวกนี้มาตัดสินว่าเขาเป็นหมอที่ดีหรือไม่ดีก็ไม่ได้อีก เพราะเราไม่เคยไปเห็นเขาทำงาน ไม่เคยรู้จักกับเขา เวลาทำงานเขาอาจจะทำดี รักษาคนไข้ดี แต่นอกเวลางาน เขาก็เป็นอีกแบบหนึ่ง หมอก็คือคนที่มีอาชีพรักษาคนไข้ด้วยความรู้ตามตำราที่ร่ำเรียนมา แต่ตำราก็อาจไม่ได้สอนวิธีคิด หรือวิธีใช้ชีวิตให้ดี หมอทำงานดี แต่นิสัยไม่ดี ก็มีถมเถ ในขณะที่หมอนิสัยดี แต่ทำงานไม่ดี ก็ใช่จะน้อย เราตามไปตัดสินใครต่อใครในทุกๆ ด้านของเขาด้วยการมองเขาแค่ด้านเดียวไม่ได้นี่คะ :) เราว่าเป็นเรื่องปกติมากที่หมอจะด่าคน ทำตัวงี่เง่า โง่ในหลายๆ เรื่อง ไร้เหตุผล หรืออื่นๆ เพราะหมอก็คนธรรมดาๆ นี่แหละ
ลบบังเอิญที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ทำให้เรามีแรงฮึดสู้กับองค์กรข้ามชาติที่มีพนักงานปฏิบัติการเป็นคนไทย และความสะเพร่าในการทำงาน ทำให้เราเกือบต้องเสียเงินและเสียโอกาส แต่เพราะหนังสือเล่มนี้ ทำให้เรามีแรงใจหันกลับมาสู้จนถึงที่สุด ทำให้เราได้รับสิทธิ์อันชอบธรรมกลับคืนมา
ตอบลบไม่ว่าหมอหรืออาชีพใดๆ ก็มีโอกาสทำงานผิดพลาดได้ เพียงแค่ผู้เขียน ประสบปัญหากับคุณหมอท่านหนึ่ง จึงหยิบยกมาเป็นประเด็น ไม่ได้พาดพิงถึงคุณหมอที่ดีๆที่มีอยู่ทั่วประเทศไทยนี่คะ
ส่วนชื่อหนังสือ คงแค่เป็นคำโปรยให้สะดุดตาสะดุดใจผู้อ่าน เหมือนพวกคำพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ที่เห็นกันอยู่ทุกวัน ผู้เขียนคงไม่มีเจตนาหากินกับการฟ้องร้อง และอีกอย่าง เจตนาของผู้เขียน คงแค่บอกว่าอย่าไปยอมกับพวกจ้องเอาเปรียบเรา
ส่วนในเว็ปพวกที่ด่าหนังสือ หรือด่าผู้เขียน อยากให้พวกท่านลองอ่านให้จบเล่มก่อนนะคะ
...(*3*) แมงงุ้งงิ้ง
ใช่ค่ะ เรารู้สึกว่าคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จริงๆ ก็จะมีความคิดประมาณนี้แหละ
ลบหนังสือไม่ได้มุ่งหมายทำลายวิชาชีพแพทย์หรืออื่นใด เขาแค่เอาประสบการณ์มาแชร์
เพื่อจะบอกเราว่า อย่าไปมัวก้มหน้าก้มตายอมรับความไม่ยุติธรรม
คือ...คนที่ด่าเนี่ย เราเชื่อเลยว่า ยังไม่ได้อ่านทั้งหมด
อ่านแค่หน้าเดียว หน้าที่เขาแชร์ๆ กันมานั่นแหละ
เหอๆ