25 ต.ค. 2555

ด้วยความเคารพ

ถ้าจะต้องเชื่อใครสักคน

ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่า...เขาแก่กว่า สูงวัยกว่า

หรือข้าพเจ้าเรียกเขาด้วยคำนำหน้าว่า "พี่" "ป้า" "น้า" "อา" "ลุง" ฯลฯ

เห็นจะเป็นการยากทีเดียว


และไม่ว่าเขาเหล่านั้น จะเป็นญาติโกโหติกาสายตรงของข้าพเจ้า

หรือสายข้างเคียงของเพื่อนสนิทมิตรสหายคนใดก็ตาม

วัยวุฒิเหล่านั้น ก็หาทำให้เกิดความน่าเชื่อถือหรือเกิดศรัทธาขึ้นโดยอัตโนมัติในตัวตนได้


หากจะเคารพ หากจะนบนอบ

ข้าพเจ้าก็เลือกที่จะมอบความไว้วางใจให้แก่ผู้มีคุณวุฒิเสียมากกว่า

และต้องมีคุณวุฒิในเรื่องที่พูด เรื่องที่บอกกล่าว หรือเตือนนั้นด้วย

มิฉะนั้น พูดอะไรอันใดออกมา

ข้าพเจ้าก็จะปล่อยให้เฉียดติ่งหูไปเสียเท่านั้น



ข้าพเจ้าไม่ประสงค์จะเป็นเด็กดี มีมรรยาท หรือเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของผู้ใหญ่กะโหลกกะลาคนใด

ใครจะรัก ก็พึงรักในตัวตนอันแท้จริงของข้าพเจ้า

และหากจะเกลียดชัง เหม็นน้ำหน้า ในความหยิ่งยะโส

ก็ตามสบายเถิด



ขอเพียงต่างคนต่างอยู่

อยู่อย่างเงียบๆ

อย่าได้พ่นมลพิษทางเสียง

อย่าได้เอ่ยถ้อยคำเหม็นเน่าอันใดออกมาให้ระคายหู

เท่านั้นพอ



คนเราควรเลือกที่จะเสพ เลือกที่ฟัง และยิ่งต้องเลือกที่จะเชื่อ

หาใช่สักแต่ว่าเสพ ฟัง แล้วเชื่อ โดยไม่ไตร่ตรอง

ไม่ใช้สมองของตัวเองใคร่ครวญ

สุดท้ายก็กลายเป็นคนไม่มีจุดยืน

ไม่มีตรรกะอันเข้มแข็งรองรับการกระทำ

ใครว่าอะไรก็เชื่อ

ใครพูดอะไรก็โอนอ่อนผ่อนตามเป็นไม้ล้มลุก

โยกไปโยกมา

ไม้ล้มลุก จะเติบโตอย่างสูงสง่าและเป็นเสาหลักให้ผู้อื่นได้อย่างไร




คนบางคน ปล่อยความโลภ ปล่อยตัณหา ปล่อยกิเลสให้เป็นใหญ่

เอาความสุขจอมปลอมในวันนี้เป็นที่ตั้ง

ขอให้ได้สนองความใคร่ของตนเอง

พรุ่งนี้จะเป็นยังไง..ช่างหัวมัน


คนเช่นนี้

ไม่สมควรเลยที่เราจะพาตัวไปข้องแวะด้วย

รังแต่จะพาเราลงสู่ที่ต่ำ

รังแต่จะพาเราไปในทางเสื่อม




คนบางคน ตรรกะวิบัติติดแน่นในสันดาน

แก้ยาก

ก็ควรปล่อยเขาไป

หรือวางเขาไว้ในที่ของเขา

ปล่อยให้เขาไปตามครรลองที่เขาอยากไป

เรื่องของเขา

เราเป็นเพียงผู้ชม

โตๆ กันแล้ว

หาใช่เด็กเล็กที่ต้องประคับประคอง

ล้มเองก็ต้องลุกเอง



ข้าพเจ้ามิใช่คนใจร้ายที่จะมองดูคนรอบตัวเดินไปในทางเสื่อมโดยไม่ทำสิ่งใด

แต่หากความเห็นของข้าพเจ้า ไม่อาจเอาชนะตัณหาที่บังตาอย่างหนาแน่นของผู้นั้นแล้ว

ก็เห็นทีจะทำได้เพียง

ปล่อยวาง

เพราะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


และมงคลชีวิตก็กล่าวไว้

"คบบัณฑิต ไม่คบคนพาล"



24 ต.ค. 2555

ชีวิตที่ขาดเธอ

การเดินทางของชีวิต

ราบรื่นบ้าง ขรุขระบ้าง

ตรงบ้าง คดบ้าง

เป็นธรรมดา

แต่สำหรับผู้เป็นเจ้าของรอยเท้า

ผู้กำลังย่างก้าวไปบนถนนนั้น

มัก...รู้สึก...ว่า

มันไม่ธรรมดา

มันหนักหนา

บางคราก็สาหัส

ล้มทีก็ลุกยาก

เป็นแผล

เจ็บ

เน่า

ช้ำใน


บางชีวิต..เลือกที่จะหยุดเดิน

บางชีวิต..จำต้องหยุดเดิน



หากข้าพเจ้าจะก้าวเดิน

หาได้หวั่นเกรงต่ออุปสรรคหรือลักษณะของเส้นทาง

ลูกรัง ดินแดง พิศวง หรือต้องเดินเท้าเปล่า

ก็ย่อมได้

ขอเพียงแค่

มิได้เดินเพียงลำพัง

กำลังใจสำคัญมาก

บางครั้ง อาจมากกว่ากำลังกายเสียด้วยซ้ำ



กำลังใจ มิได้มาจากที่ใดก็ได้

หรือใครก็ได้

กำลังใจ สำหรับข้าพเจ้า มาจากคนที่ข้าพเจ้ารัก

บางครั้งอาจได้จากคนที่รักข้าพเจ้า

แต่ไม่มากเท่าใดนัก


ด้วยเหตุนี้ ทุกๆ ครั้งที่ต้องเลือก

ระหว่างคนที่รักข้าพเจ้า กับคนที่ข้าพเจ้ารัก

ข้าพเจ้า ไม่ลังเลเลยที่จะเลือก

คนที่ข้าพเจ้ารัก


เพราะอย่างไรซะ

คนที่ข้าพเจ้าไม่ได้เลือก...ก็ไม่มีใคร

เจ็บจนทนไม่ได้ หรือตายจากไปสักคนเดียว

อาจเจ็บช้ำ ก่นด่า หาว่าข้าพเจ้าใจร้าย

แต่สุดท้าย พวกเขาเหล่านั้น

ก็จะหายจากความโศกเศร้า

และกลับเข้าสู่โลกอันปกติของตัวเองได้อยู่ดี

แม้ไม่มีข้าพเจ้า ก็ไม่มีใครตาย

แม้ไม่มีข้าพเจ้า บางคนก็ยังร้องรำทำเพลง

แม้ไม่มีข้าพเจ้า บางคนก็ยังเที่ยวเล่นสนุกสนาน



ข้าพเจ้าจึงเลือก

คนรักของข้าพเจ้า

คนที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่า

เมื่อไม่มีข้าพเจ้า เขาก็จะไม่มีใคร

เมื่อข้าพเจ้าเจ็บ เขาก็จะเจ็บ

เมื่อข้าพเจ้าโดดเดี่ยว เขาก็พร้อมจะร่วมโดดเดี่ยวไปด้วยกัน



ร่วมสุขนั้นหาง่าย ร่วมทุกข์นั้น..ยากยิ่ง


เหนือจากบุพการีแล้ว

ก็มีเพียงคนๆ นั้น

เท่านั้นเอง



คนที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่า

ชีวิตที่ขาดเขา...ราวกับจะขาดใจ

(เน่า...)

11 ต.ค. 2555

ขาดความอบอุ่น

ตอนเด็กๆ เวลาโดนถามเกี่ยวกับเป้าหมายหรือความฝันในชีวิต

มักจะเป็นนางเอก ตอบว่า

"อยากทำงานแล้วกลับบ้านมาเจอหน้าพ่อหน้าแม่ กินข้าวด้วยกัน"

คนถามก็จะทำหน้างงๆ แล้วถามต่อว่า

"ไม่ใช่ หมายถึง อยากทำอะไร อยากเป็นอะไร งานน่ะ"

คราวนี้ เป็นข้าพเจ้าที่งงแทน

...ก็กรูยังไม่รุว่ากรูจะเป็นอะไรไง

กรูแค่อยากทำงานอะไรก็ได้ ที่เลี้ยงตัวเอง เลี้ยงพ่อแม่ได้

โดยที่ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากมาย ไม่ต้องทำงานงกๆ แล้วไม่มีเวลาให้ใคร

ตอนนั้น คนที่บ้าน ก็หมายถึงแค่คนที่บ้าน

หมายถึงพ่อ หมายถึงแม่

เพราะตอนเด็กๆ จะมีใครอีกที่สำคัญในชีวิต นอกจากพ่อกับแม่



กระนั้น

โตขึ้นมา คำตอบนี้มันก็ยังฝังจิตฝังใจอยู่ดีนั่นล่ะ

เพราะยังไง

การต้องใช้ชีวิตแบบปากกัดตีนถีบ โดยไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่อใคร

ปัจจุบันต้องโดดเดี่ยว ต้องเหนื่อย ต้องท้อ เพื่ออะไร

ถ้าจะรอมีความสุขแค่อนาคต (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีไหม เมื่อไหร่ อะไร ยังไง)

ก็ดูโหดร้ายกับชีวิตมากเกินไป

อาจไม่มีพรุ่งนี้แล้วก็ได้ รู้ๆ กันอยู่

ทำเพื่อพ่อแม่ แต่ไม่ได้อยู่ดูแลพ่อแม่

ทำเพื่อคนรัก แต่ไม่มีโอกาสใช้เวลาแสดงความรัก

ไม่มีใครต้องการอย่างนั้นหรอก





แต่ตอนนี้

ทำงาน หาเงิน ทำนู่นนี่นั่น

ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่

มีคนสำคัญในชีวิตเพิ่มมาจากพ่อแม่

ก็ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ

มันเป็นความทรมาน สำหรับปัจจุบันเหมือนกันนะ

เวลาเหนื่อย ท้อ มันจะยิ่งเหนื่อยหนัก ท้อหนัก

เพราะเรี่ยวแรงและพลังที่จะใช้เป็นกำลังขับเคลื่อนชีวิต

มันมีน้อย


เพราะฉะนั้น การปรารถนาที่จะอยู่กับพ่อแม่ คนที่รัก

ก็คือการเติมพลังให้ตัวเองในทุกๆ วัน

มันหายเหนื่อย เจอปัญหามันก็ไม่ท้อ เจองานหนักมันก็ไม่หวั่น

ป่วย เดี๋ยวก็หาย


ชีวิตอาจจะหนัก แต่เราจะไม่เหนื่อยเกินไป

งานอาจจะเยอะ เราก็พร้อมจะเดินหน้าไปเรื่อยๆ

ปัญญาอาจจะมี เราก็พร้อมจะสู้





ต้องยอมรับว่า หัวใจ ขาดความอบอุ่น ไม่ได้จริงๆ

และเมื่อต้องยอมสละความอบอุ่นเหล่านั้น

เพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง

ที่เลื่อนลอย และมีค่าแค่ในอนาคต

มันก็แทบจะไม่มีกำลังใจ ที่จะกระดิกตัวทำอะไรเลย

หรือบางที ไม่ต้องมีหรอกอนาคต




หรือบางที

ต้องยอมรับว่า  ชีวิตมันก็อย่างนี้แหละ


และบางที

ต้องเข้าใจว่า  ไปด้วยกันไม่ได้

6 ต.ค. 2555

ฝันร้าย


นอนฝันร้ายติดกันมาสองคืน

เดาว่าเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนน้อย และมีความเครียดแฝง

เพราะเนื้อหาของความฝัน

เป็นเรื่องที่ผ่านตา ผ่านเข้ามาในความคิดเมื่อตอนกลางวัน

เกือบทั้งสิ้น

แท้แล้ว ฝันเหล่านี้ ก็อาจเป็นเพียงการจัดระเบียบความคิด

ซึ่งกระทำการโดยสมอง ในยามที่เราไม่อาจควบคุม



ฝันถึงคนรัก

การฝันถึงคนสำคัญ

ย่อมทำให้ฝันนั้น กลายเป็นฝันที่มีความสำคัญ

และอาจมีอิทธิพล ทำให้เรามีความสุขหรือความทุกข์ได้

แม้ในยามตื่น ที่ฝันนั้น สิ้นสุดลงแล้ว




เหมือนที่ฝันว่าญาติผู้ใหญ่ตาย

ฝันว่าสอบตก

หรือฝันว่าวิ่งหนีผี

ตื่นมา ใจก็คงสั่นๆ อยู่มิใช่น้อย

ทั้งที่ก็รู้ว่า มันเป็นเพียงความฝัน



เคยมีเพื่อนเล่าให้ฟังว่า

เช้ามาโดนแฟนโกรธ

ทั้งที่ก่อนเข้านอน ยังคุยกันหวานเยิ้มเป็นปกติ

แฟนมันบอก เมื่อคืน ฝันว่ามันนอกใจ

แล้วก็พาลโกรธเป็นจริงเป็นจัง

ฟังแล้วก็ส่ายหน้า

บ้าจริงอะไรจริง



ถึงตอนนี้

เหมือนจะเข้าใจแฟนเพื่อน

มันเป็นสภาวะทางอารมณ์ ที่ค้างๆ คาๆ

มาจากความฝัน

รู้แหละ ว่าแค่ฝัน

แต่มันสะเทือนใจจริง เศร้าจริง ร้องไห้จริง โกรธจริง

เพราะฉะนั้น

ขอระบายหน่อย ขอเหวี่ยงหน่อย

กับผู้หญิง อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้





ช่วงนี้ ต้องรีบเคลียร์จิตใจ

เพราะมีเรื่องให้คิดหลายอย่าง

ความจริง

การต้องคิดเยอะๆ

แก้ปัญหาหลายๆ อย่าง

เป็นเรื่องปกติของชีวิต

ไม่มีวันไหนไม่มีเรื่องให้คิด

เพราะสมองไม่เคยหยุดทำงาน

แม้กระทั่งในเวลาที่เราหลับ

คลื่นสมองยังวิ่งมา วิ่งไป

ทำให้เราฝัน เป็นตุเป็นตะ

แต่ก็อย่างว่า

สมองที่ไม่งาน คือสมองที่ตายแล้ว

สมองที่ตายแล้ว  ย่อมหมายความว่า เราตายแล้ว





ให้โอกาสความฝัน โลดแล่นไป

แต่อย่าให้มันควบคุมเราได้ ในชีวิตจริง




คิดถึงสุดหัวใจ