31 ม.ค. 2556

ปล่อยไปตามหัวใจ

มันเป็นความทุกข์อย่างหนึ่ง

ที่เมื่อเรารักใคร

เราก็มักมีความต้องการ

ปรารถนา

จะได้รับความรักจากเขาคืนมา

เท่าๆ กัน

หรือมากกว่าจะยิ่งดี



และมันง่ายมาก

ที่เราจะมีอคติ

ลำเอียง

คิดเข้าข้างตัวเอง

"ฉันทำเพื่อเขาขนาดไหน"

"ฉันรักเขาขนาดไหน"

"ฉันเสียสละเพื่อเขาขนาดไหน"

แล้วเขาล่ะ?



สุดท้าย

ก็กลายเป็นความหม่นหมอง

คิดน้อยใจว่าเขาไม่รัก

หรือรักเราไม่มากพอ

แคร์เราไม่มากพอ

เป็นห่วงเราไม่มากพอ

ทำเพื่อเราไม่มากพอ



ยิ่งคิด ยิ่งผ่านเวลาไปนานเท่าไร

การทับถมของความรู้สึกเหล่านี้

ก็ยิ่งหนาแน่น

ยิ่งหนัก

ยิ่งมีพลัง



เราสามารถคิดย้อนไป

และนำเรื่องราวต่างๆ เหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านพบ

มาปะติดปะต่อ

และจัดจำพวก

กับทั้งสรุปว่า

เขาคนนั้น เป็นเช่นไร ปฏิบัติกับเราเช่นไร รักเรามากน้อยแค่ไหน

และสุดท้าย ก็ตัดสินว่า

เขาไม่ดีพอ



ยกตัวอย่างเช่น

ถ้าตั้งกระทู้ขึ้นในใจว่า

"เขาไม่เคยเป็นห่วงเราเลย"

ภาพในหัวก็จะนึกเป็นเหตุการณ์ที่สนับสนุนความคิดนั้น

อาทิ

เราทำงานดึกดื่น เขาไม่คิดจะโทรมาหา ไม่ถามไถ่เลยหรือไง

ว่าเรากินข้าวหรือยัง ที่ทำงานยังมีใครอยู่ไหม จะกลับบ้านยังไง

จากนั้น ภาพก็จะตัดไปอีกหลายๆ เหตุการณ์ ทำนองคล้ายๆ กัน มาสนับสนุนกัน



ยิ่งกระทู้ที่ตั้ง สามารถตีความได้กว้างเท่าไหร่

ภาพเหตุการณ์ที่มาสนับสนุนกัน ก็ยิ่งมีมากเท่านั้น

โดยเฉพาะ กับกระทู้ที่ว่า

"เขาไม่รักเรา หรือ เขารักเราไม่เท่าที่เรารักเขา"

มันเป็นหัวข้อ ที่สามารถนำเอาทุกเหตุการณ์อันเจ็บปวด

มาอยู่ด้วยกันอย่างแออัดในสมองได้เลยทีเดียว



จากนั้น ก็กลายเป็นความผิดหวัง

เศร้า

เสียใจ



เราอาจอธิบายให้เขาฟัง

บอกเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับความรู้สึกของเรา

บางคู่อาจทะเลาะกัน

เพราะอีกฝ่ายก็เถียงสุดใจขาดดิ้นว่าไม่จริง

ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายทำเพื่อเธอเสมอมา

เมื่อไม่มีใครยอมใคร

ก็กลายเป็นความขัดแย้ง



การขัดแย้งกับคนรัก

เป็นอะไรที่สามารถบั่นทอนจิตใจได้อย่างทรงพลัง

เราอาจนั่งเฉยๆ แล้วน้ำตาไหลได้

เราอาจหัวเราะอยู่ดีๆ แล้วเปลี่ยนมาร้องไห้

แบบที่ผู้ร่วมหัวเราะกับเรา ยังหัวเราะค้างอยู่

เราอาจร่าเริง แล้วเปลี่ยนมาซึมเศร้า

ได้ในพริบตา



เคยมีผู้กล่าวว่า

ความรักคือ เกมการต่อรองชนิดหนึ่ง

ถ้าต่อรองกันได้อย่างพอใจทั้งคู่ ก็ win-win

หรือการต่อรองนั้น ก็อาจมีฝ่ายหนึ่งได้เปรียบ

และฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบกันบ้าง

ตามแต่ว่าใครจะรับได้มากน้อยแค่ไหน



ถ้าเช่นนั้น

ถ้ารักคือการเรียกร้อง

รักแล้วต้องการได้รักตอบ

รักคือการต่อรอง

ให้ได้มากที่สุดหรือเสียน้อยที่สุด

รักนั้น..คือรักจริงหรือ



หลังผ่านการครุ่นคิดมาหลายวัน

ผ่านการเผชิญกับความรู้สึกห่อเหี่ยว

และย่ำแย่ทางจิตใจ

เราควรได้รู้เสียทีว่า

นิยามความรัก

ในแบบของเรา

คืออะไร




เมื่อหาคำตอบได้

ก็ปักหลัก

และทำตามหัวใจ

ทำให้ได้ดีที่สุด

และยอมรับผลของมัน






29 ม.ค. 2556

เข้าใจ
.
.
.
เมื่อรัก

ฉันปรารถนาจะเห็นเขามีความสุข

ปรารถนาจะเห็นรอยยิ้มของเขา

ได้ยินเสียงของเขา ในอารมณ์ที่สดใส

ฟังเสียงหัวเราะแหลมๆ ตลกๆ ของเขา

ฟังเขาเล่นมุกควายแป้กๆ

แต่ก็หัวเราะไปกับเขา




เมื่อรัก

ยามเขาทุกข์

ฉันทุกข์ไปกับเขา

ยามมีใครทำร้ายเขา

ฉันอยากเอาคืนคนพวกนั้นแทนเขาให้สาสม

ยามเขาเศร้า ฉันอาจเศร้ายิ่งกว่า

และยามเขาหม่น ฉันอาจหม่นกว่าเขา หลายเท่าตัว

เพราะฉันอ่อนไหว

และยิ่งอ่อนไหวมากขึ้น เมื่อความเข้มแข็งของเขา ถูกทำให้อ่อนแอลง




เมื่อรัก

ฉันปรารถนาจะใช้เวลาร่วมกับเขา

อยากเห็นหน้าเขาในทุกๆ วัน

อยากสัมผัสเขา

อยากกอดเขา

ให้ได้รับความอบอุ่น

ให้รู้ว่าเขามีฉัน ให้รู้ว่าเรามีกัน

ให้ในทุกๆ ค่ำคืน ฉันได้หลับอยู่ในอ้อมกอดเขา

เห็นหน้าเขาเป็นคนสุดท้ายของวัน

และเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่

ฉันอยากเห็นหน้าเขา ให้ได้รู้ว่า วันนี้ฉันยังคงมีเขา

มีอ้อมกอดของเขา มีเรา




เมื่อรัก

ฉันคิดถึงเขา

เขาที่อยู่ห่างไกล

ฉันเฝ้ารอเวลาที่เราจะได้พบกัน

ฟ้าเดียวกัน

ใช่ว่าจะทำให้ฉันสามารถจินตนาการเห็นหน้าเขาได้ชัดเจน

พระจันทร์ดวงเดียวกัน

ไม่ได้ทำให้ฉัน หายคิดถึงเขา

ยิ่งมองฟ้า ยิ่งโหยหา

พระจันทร์และดวงดาว

ไม่ใช่เขา

ฉันอยากมองเขา

ไม่ได้อยากมองจันทร์




เมื่อรัก

ฉันนั่งฟังเพลงรัก และเพลงไม่รัก

เพลงที่เราเคยฟังด้วยกัน

เพลงที่เราเคยร้องด้วยกัน

เพลงที่เราเคยเล่นคีย์บอร์ดด้วยกัน

เพลงที่เธอสอนฉันเล่น สอนฉันร้อง

เพลงของเรา หลายๆ เพลง

ใครต่อใครคิดว่าฉันไม่ชอบร้องเพลง

หลายคน ไม่เคยได้ยินฉันร้องเพลง

หลายคนสงสัย ฉันไม่ชอบร้องเพลงหรือ

ใช่ ฉันไม่ร้องเพลง

แม้กระทั่งการฮัมเพลงเบาๆ

ฉันยังไม่ค่อยได้ทำ

แต่ความจริง

ฉันชอบนะ

ฉันชอบร้องเพลง

เวลาอยู่คนเดียว

อาจเพราะฉันอายเสียงง๊องแง๊งของตัวเอง

อาจเพราะฉันเขินที่ร้องเพลงผิดคีย์

แต่ฉันชอบ..ร้องเพลงกับเขา

ฉันไม่ค่อยเขินที่ร้องเพลงกับเขา

เราขับรถไปแสนไกล

ระหว่างทาง

เราร้องเพลงด้วยกัน

ฉันไม่เขินเขา

เพราะเขาก็ร้องผิดคีย์

แต่เขาก็ชอบอ้างว่า เขาไม่ได้ร้องผิดคีย์

เค้าเป็นตัวของตัวเอง

ฉันเลยเป็นตัวของตัวเอง

เวลาที่อยู่กับเขา

เราร้องเพลงผิดคีย์ด้วยกัน




เมื่อรัก

ฉันปรารถนาจะได้ทำบุญกับเขา

แม้เราจะทำบุญด้วยกันหลายครั้ง

ฉันก็ยังปรารถนาจะทำบุญกับเขาไปเรื่อยๆ

เพื่อที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน

เพื่อที่เราจะได้พบกัน

ฉันอธิษฐาน

ให้ได้เป็นคู่ของเขา

ทุกชาติไป จนกว่า...

ฉันไม่เคยอธิษฐานขอเป็นคู่กับใคร

แม้ฉันจะเคยรักใครมาหลายคน

แต่คนเหล่านั้น ไม่ได้ทำให้ฉัน นึกอยากอธิษฐานเช่นนี้เลย

คงเพราะชาติก่อนๆ

ฉันเคยอธิษฐานไว้กับเขา

เพียงคนเดียว

ฉันเกิดมาเพื่อเขา

ฉันรู้ว่าหนทางของเขา แสนยาวไกล

แต่ฉันก็ยังยินดี ที่จะลำบาก และเดินร่วมกันไป

ฉันรู้ว่าสุดท้ายแล้ว

ปลายทาง คือ ความสุขอันแท้จริง

ฉันวางใจในสิ่งที่เขาเลือก




เมื่อรัก

ฉันปรารถนาจะร่วมเดินทางไปกับเขา

หนทางที่เขาเลือก

ฉันอยากยืนเคียงข้างเขา

อยากจับมือเขา

เดินจับมือ ไปด้วยกัน

แสนไกล




เมื่อรัก

หัวใจของฉันมีหลายสี

แน่นอน ความรักไม่จำเป็นต้องมีแค่สีชมพูเสมอไป

แตกต่าง
.
.
.
เพราะเราต่างแตกต่าง

เพราะเราเติบโตมา

ด้วยสิ่งแวดล้อมและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน

จึงไม่มีวันที่เราจะคิดเหมือนกันในทั้งหมด

ในทุกเรื่อง

ในทุกสถานการณ์



ฉันก็เป็นฉัน

เขาก็เป็นเขา

บางสิ่งเราอาจเปลี่ยน

บางเวลาเราอาจปรับ

แต่ไม่ได้หมายความว่า

เราทั้งสองจะสามารถละทิ้งตัวตนของแต่ละคนได้



เมื่อต้องทำอะไรที่ขัดแย้งกับตัวตนและนิสัยของตัวเอง

ก็จะเหนื่อย

ก็ไม่อยากทำ

ก็ขัดใจ



สุดท้าย

ก็กลายเป็นความไม่เข้าใจ



เมื่อไม่เข้าใจ

ก็เกิดปัญหา

เราควรทำอย่างไร

คุยกัน

ใครควรเปลี่ยน

ใครควรปรับ

ปรับอย่างไร

เปลี่ยนมากน้อยแค่ไหน



บางครั้ง เราก็สามารถคุยกันได้ เข้าใจกันได้ ปรับกันได้

กลับมาเหมือนเดิมกันได้

แต่บางครั้ง ก็ไม่อาจเป็นได้ดังที่หวัง



หลายคู่ จบกันไป เพราะความไม่เข้าใจ

หลายคู่ เพราะเข้าใจ จึงต้องจบกัน

เพราะรับกันไม่ได้ และไม่อาจเปลี่ยนแปลงกันได้อีกต่อไป




ยากเหลือเกิน

ที่จะหาใครสักคน

ที่สามารถแตกต่างอย่างลงตัว

กับตัวเรา

บางที อาจไม่มี ไม่มีวันมี


28 ม.ค. 2556

เศร้า
.
.
.
ฉันรู้และเข้าใจดี

ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์

ฉันรักเขา

เขารักฉัน

เรามีความสุข

และเราก็มีความทุกข์

เป็นเรื่องธรรมดา



หลายสิ่งที่เราไม่เข้าใจ

เราจึงต้องเรียนรู้และปรับความคิด

ให้เข้าใจกัน

หลายสิ่งที่เขาไม่ชอบในตัวฉัน

หลายสิ่งที่ฉันไม่ชอบในตัวเขา

แต่เราก็ยอมรับและอภัยให้กัน



บางสิ่ง สร้างรอยแผล

รอยร้าว

กลายเป็นแผลเก่า

กลายเป็นแผลเป็น

บางแผล...นึกถึงก็เห็นว่ามี

แต่ไม่เจ็บ ไม่ปวดอีกต่อไป


ทว่า บางแผล

ยังคงสร้างความเจ็บปวดให้เราได้

ไม่รู้จักจบจักสิ้น

เรื่องเดิมๆ

ทำนองเดิมๆ

เหตุการณ์คล้ายๆ เดิม

ยังสามารถทำร้ายเราได้เช่นเดิม



บางครั้ง เราก็ปล่อยให้มันผ่านไป

โดยไม่ได้พูดอะไรต่อกัน

เพราะรู้กันอยู่แล้ว

เราเคยพูดกันแล้ว

เราเคยคุยกันแล้ว

แต่บางครั้ง เราก็มิอาจปล่อยวาง

เมื่อมันเจ็บมาก

จึงต้องแสดงออก

ซึ่งความเจ็บปวดนั้น




เรายังคงมีความเศร้า

เรายังคงมีน้ำตา

ฉันยังคิดถึงสิ่งที่ไม่ควรคิด

ฉันรู้ว่าเขาก็อาจเป็นเช่นเดียวกัน



ฉันพยายามใช้เหตุผล

แต่ความรัก มักเป็นเรื่องของความรู้สึก

และอยู่เหนือการควบคุม



ฉันไม่อาจควบคุมตัวเอง

ไม่ให้หึง ไม่ให้หวง ไม่ให้น้อยใจ ไม่ให้เศร้า ไม่ให้หมองหม่น

ยามเมื่อความรู้สึกเหล่านั้นเกิดขึ้น

บ่อยครั้งที่ฉันไม่สามารถเอาชนะมันได้

หลายครั้งที่ฉันแพ้มันอย่างสิ้นเชิง

.
.
ฉันรู้ว่าเป็นเรื่องธรรมดา

คู่รักทุกคู่ ต่างก็มีช่วงเวลาหลากหลาย

มีประสบการณ์ร้ายดีร่วมกันมา

ฉันจะยอมรับมัน




บางครั้ง ฉันอาจอยากหนีไปให้ไกลๆ

ฉันเคยถามตัวเองว่า จะทนอยู่ทำไม

แล้วฉันก็ถามย้ำตัวเองว่า

"เธอกำลังทนอยู่หรือ เธอกำลังทนอะไร"

ฉันตอบตัวเอง

แบบเข้าข้างตัวเอง

ฉันก่นด่าเขา

ฉันหาว่าเขาเย็นชา

ฉันน้อยใจเขา

หาว่าเขารักฉันน้อยกว่าที่ฉันรักเขา

ฉันโกรธเขา

หาว่าเขาไม่สนใจเรื่องสำคัญของฉัน




ฉันอยากเย็นชาใส่เขา

เหมือนที่เขาเย็นชาใส่ฉัน

ฉันอยากทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ความทุกข์ร้อนของเขา

เหมือนที่ฉันรู้สึกว่าเขาทำอย่างนั้นกับฉัน

ฉันอยากทำให้เขาเจ็บ

เหมือนที่ฉันต้องเจ็บเพราะเขา



มันคือความเศร้า ความโกรธ ความทุกข์

มันมาพร้อมความคาดหวัง

มันมาพร้อมความรัก

อันบูดเบี้ยว

และไม่สมประกอบ



รัก
.
.
.

เมื่อแรกรู้จัก ฉันไม่เคยคิดว่าเราจะได้รักกัน

ฉันรู้แค่เพียงว่า

ฉันกับเขามีอะไรหลายๆ อย่าง..คล้ายๆ กัน

ฉันชอบอ่านหนังสือ

เขาอ่านหนังสือมามากกว่าฉัน

ฉันชอบเรียนชีววิทยา

เขาเรียนชีววิทยาเก่งกว่าฉัน

ฉันชอบปฏิบัติธรรม

เขาเข้าวัดและปฏิบัติมามากกว่าฉัน

ฉันอยากเขียนหนังสือ

เขาเคยมีหนังสือเป็นของตัวเอง



ฉันรู้แค่ว่า ฉันคุยกับเขาได้ยาวนาน อย่างมีความสุข

ทั้งที่เราเพิ่งรู้จักกัน

อาจเพราะความคล้าย หลายๆ อย่าง ที่ว่ามา

ทว่า ฉันยังไม่อาจไว้วางใจเขา

ยังไม่อาจให้ความใกล้ชิดกับเขา มากจนเกินไป

เพราะเรา..เพิ่งรู้จักกัน



วันคืนผ่านมาเรื่อยๆ

เรารู้จักกันมากขึ้น..

เขาชวนฉันไปทำบุญ

ฉันไปทำบุญกับเขา

ฉันชวนเขาไปงานหนังสือ

เขาไปเดินงานหนังสือกับฉัน

เขาชวนฉันเดินทางไปด้วยกัน..ในที่แสนไกล

ฉันไม่ได้ไปกับเขา

เพราะเรา..เพิ่งรู้จักกัน



วันคืนผ่านมาอีกเรื่อยๆ

เราได้กลับมาพบกัน

ในสถานการณ์และช่วงเวลาที่คล้ายคลึง

กับครั้งแรกที่เราพบกัน

เราไปเข้าค่ายด้วยกัน

เรากลับมาจากเข้าค่ายด้วยกัน

ฉันและเขาใกล้ชิดกัน..มากกว่าเดิม



เขาพาฉันไปทะเล

เราขับรถไปทะเลกันในยามค่ำคืน

เดินถนนคนเดิน

กินของอร่อยๆ

นอนดูดาว ดื่มด่ำเสียงคลื่น สัมผัสท้องทะเลที่ดูคล้ายจะเงียบสงบ

เราไปทะเลกันหลายครั้ง

แล้วครั้งหนึ่ง

เขาก็ขอจับมือฉัน

ฉันแอบลังเล

แต่ก็ตกลง

เราเดินจับมือกันไปตามชายหาด

เรานอนดูดาวและคุยกัน



เขาขับรถพาฉันไปที่ที่เขาเคยไป

เขาพาฉันไปสถานที่ที่เขาเคยอยู่

ฉันซึมซับความเป็นตัวเขา

ฉันจินตนาการเห็นภาพเขาในที่เหล่านั้น



แล้ววันหนึ่ง ความรู้สึกของเขา ถูกแสดงออกมาเป็นการกระทำที่ชัดเจน

เขาบอกว่าต้องการมีฉัน อยู่เคียงข้างเขา

ฉันลังเล แต่ก็ตอบรับเขา

ณ วินาทีนั้น

ฉันยังคงไม่มั่นใจ

ว่าความรักของฉันจะมีให้เขาได้มากถึงเพียงไหน

ฉันยังคงไม่มั่นใจ

ว่าจะเป็นเขาจริงหรือไม่

คนๆ นั้นของฉัน

และฉันยังคงไม่มั่นใจ

ว่าฉันจะเป็นคนนั้น คนที่เขาต้องการ ได้จริงหรือ

แต่รักของเราก็ดำเนินไป



เขารักฉัน

ฉันรักเขา


เราเป็นคนรักกัน

.
.
.
.

ฉันส่งเพลงนี้ให้เขาทางอีเมล


กลัวเธอจะผิดหวัง

ลองมองดูกุหลาบขาว ก็ยังมีมุมที่ดูแล้วไม่ขาวไม่นวลเท่าไร
มองดูบานกระจกใสยังมีมุมที่ไม่ใส ไม่เหมือนที่นึกเอาไว้

ไม่ต่างจากฉันเอง อาจมีหลายมุมไม่สวยไม่งามเท่าไหร่
และฉันไม่รู้..ว่าเธอได้ตั้งความหวัง ไว้ยังไง

อยากจะถามเธอ จากวันนี้ไปหากฉันอ่อนแอครั้งใด
หรือน่ารำคาญในบางขณะเหมือนเป็นคนละคน
เธอรับได้หรือเปล่า

หากความรัก..เราผิดจากฝันไป อยากรู้จะเป็นเช่นไร
ไม่คิดให้เธอยืนยันอะไร ฉันแค่กลัวเธออาจผิดหวัง

คำที่เธอบอกว่ารัก กับดูแววตาในตอนนี้ฉันรู้เธอพูดจากใจ
เพียงยังกลัวว่าวันไหน เธอจะเจอจุดด่างพร้อย
แล้วทิ้งกันไปวันนั้น

ที่จริงตัวฉันเอง อาจมีหลายมุมไม่สวยไม่งามเท่าไหร่
และฉันไม่รู้.. ว่าเธอได้ตั้งความหวังไว้ยังไง

อยากจะถามเธอ จากวันนี้ไปหากฉันอ่อนแอครั้งใด
หรือน่ารำคาญในบางขณะเหมือนเป็นคนละคน
เธอรับได้หรือเปล่า

หากความรัก..เราผิดจากฝันไป อยากรู้จะเป็นเช่นไร
ไม่คิดให้เธอยืนยันอะไร ฉันแค่กลัวเธออาจผิดหวัง






10 ม.ค. 2556

ดูแลเขาให้ดีๆ

ช่วงสัปดาห์นี้

ร่างกายไม่สู้ดีเอาเสียเลย

ทำท่าจะเจ็บ จะป่วย จะเปื่อย จะยุ่ย อยู่ร่ำไป

การป่วยออดๆ แอดๆ มันทำให้เกิดความรำคาญ

ขึ้นในจิตใจ

จากนั้น

ก็จะคุกคาม ทำลายความเชื่อมั่น

ก่อให้เกิดความกังวล ว้าวุ่นใจ

เราเป็นอะไรร้ายแรงหรือเปล่า

เราจะตายไหม


เมื่อวานนี้ ไข้ขึ้นสูง

หนาวสั่น

กินยาก็บรรเทาลงไปบ้าง

แต่พอยาหมดฤทธิ์ก็กลับมาเป็นอีก

จนใจเริ่มไม่ดี

จะว่าเป็นไข้หวัดดังที่เคยเป็น

ก็น่าจะมีอาการต่างๆ คล้ายๆกับที่เคยเป็น

แต่นี่ มีหลายอาการที่เป็นขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


คราวนี้

ก็คิดไปแล้ว

กังวลไปแล้ว

ทั้งที่จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ก็ไม่รู้

และทางที่ดีที่สุด

ก็คือการไปพบหมอ

แต่ถ้าจะไปด้วยอาการดังที่ปรากฏในตอนนี้

ก็ไม่แคล้วว่าจะได้กลับมาแค่ยาพารา แก้ปวด ลดไข้ หรืออื่นๆ

ไปตามอาการ

รอดูไปสักพัก

ดูให้รอบคอบ

และเตรียมคำพูดที่จะบอกเล่าอาการให้หมอฟังอย่างชัดเจนเสียก่อน

น่าจะดี

เพราะปีที่แล้ว

ใช้สิทธิรักษาพยาบาลของบริษัทไปนับครั้งไม่ถ้วน

เพราะรักษาฟรี จึงไม่ได้กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

เป็นอะไรนิดหน่อยก็หาหมอ

หมอก็ให้ตามอาการ

ก็เท่านั้น

ใช่ว่าจะหายจริงจัง

ใช่ว่าจะแข็งแรงจริงๆ


ร่างกายเรานี้

ควรดูแลเขาให้ดี

ควรละเอียดรอบคอบ

เพราะเขามีบุญคุณ

ไม่มีเขา เราก็แย่

เขาแย่ เราก็ยิ่งแย่

นี่ยังไม่นับรวมการทำร้ายเขาด้วยประการต่างๆ นานา

ทั้งอาหารการกิน

การรักษาความสะอาด

ไปจนกระทั่งหักโหมใช้เขาทำนู่นทำนี่

ไม่ให้เขาได้พักได้ผ่อน

ถึงเวลาเขางอแง เขาแย่ เขาเจ็บขึ้นมา

จะโทษใครได้



และเมื่อเวลาที่เขาแย่

เราก็ควรรักษาเขา

ปลอบประโลมเขา

ไม่ใช่ไปหงุดหงิด ไปท้อแท้ ไปทำท่าสิ้นหวังใส่เขา

กายกับใจเป็นของคู่กัน

เมื่อยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องแยกจากกัน

ก็จำเป็นต้องดูแลกันและกัน

เมื่อฝ่ายหนึ่งอ่อนแอ

อีกฝ่ายก็ต้องเข้มแข็ง

เพื่อพากันและกันก้าวต่อไปให้ได้

ด้วยดี




ด้วยรัก

ทั้งกายและใจ