12 มี.ค. 2555

จงเติมคำในช่องว่าง

ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์

สัจธรรมง่ายๆ ใครๆ ก็รู้

แม้จะรู้ว่าทุกข์ สุดท้าย คนส่วนใหญ่ ก็เลือกที่จะรัก

อย่างน้อย การทุกข์เพราะรัก

ก็อาจจะบางเบากว่าทุกข์เพราะต้องทนอยู่กับความเหงา

ทุกวัน ทุกคืน

.
.
แต่ก็ใช่ว่า มีรักแล้วจะไม่เหงา

มีรักแล้วจะไม่ทุกข์เพราะความโดดเดี่ยว

ถึงยังไง คนที่เรารัก ก็ไม่อาจอยู่เคียงข้าง

บำบัดความเหงาให้เราได้ตลอดเวลา

บางคนถึงพูดว่า มีแฟนก็เหมือนไม่มี

เพราะถึงมีใครเคียงข้าง ก็ใช่ว่าคนๆ นั้น จะทำให้ความเหงาเจือจางไป

ในยามที่มันคุกรุ่นอยู่ในความรู้สึก

หรือแม้กระทั่ง หากเลวร้ายกว่านั้น

เขาอาจไม่รับรู้ ถึงความสั่นไหวของหัวใจเราเลยก็ได้

.
.
เราอาจทรมาน

โดยไม่แน่ใจนัก ว่าเหงาเพราะไม่มีใครจริงๆ

กับเหงาทั้งที่(คิดว่า)ยังมีคนเคียงข้าง

อย่างไหน จะเจ็บปวดและทุกข์มากกว่ากัน

เอาเป็นว่า ขึ้นชื่อว่าเหงา

ใครก็ไม่ปรารถนาทั้งนั้น

แม้บางคนจะพยายามคิดบวกสุดชีวิต

ให้ความเหงาเป็นเพื่อนบ้างล่ะ

ยิ้มให้ความเหงาบ้างล่ะ

ทำตัวให้ชินกับความเหงาบ้างล่ะ

คำพูดเหล่านั้น ความจริงก็เป็นแค่วิธีคิดแบบหยาบๆ

สำหรับจัดการกับความเหงา

ไม่ให้มันทำร้ายเรามากจนเกินไป

ไม่ให้เราต้องมานั่งเศร้า ร้องไห้ฟูมฟาย

เพียงเพราะ  "เหงา"

เพียงเพราะไม่อาจยอมรับได้ว่า

ตัวเองกำลังอ่อนแอแค่เพราะ กำลังเหงา
.
.
แต่สำหรับฉันในตอนนี้

ไม่มีหรอก ยิ้มให้มัน

ไม่มีการทักทาย สวัสดี หรือ เรามาเป็นเพื่อนกันนะ

ฉันไม่ปรารถนาเป็นมิตรกับความรู้สึกโดดเดี่ยวเช่นนั้น

ฉันไม่อยากอยู่ร่วมกับความทุกข์อันเนื่องมาจากความเหงา

และฉันอาจโยนความผิดให้มันซึ่งๆ หน้า

ถ้าใครสักคนเห็นฉันนั่งร้องไห้

แล้วถามว่าฉันเป็นอะไร

ฉันจะตอบตรงๆ ไปเลยว่า

"ฉันเหงา..ความเหงาทำร้ายฉัน"

เหงาจนร้องไห้ เหงาจนไม่อยากทำอะไร

เหงาจนกลายเป็นเบื่อ

เหงาแล้วเหนื่อยหน่ายกับชีวิต

เหงาแล้วอยากนอน แบบไม่ขยับ หรือลุกไปไหน

เหงาจนไม่อยากคุยกับใคร ไม่อยากตอบคำถามใดๆ ทั้งสิ้น

นั่นแหละ ฉันร้องไห้เพราะความเหงาจริงๆ
.
.
โปรดอย่าถามว่า

"อ้าว ถ้างั้นจะเหงาทำไมล่ะ"
.
.

ไม่มีใครอยากเหงา

และไม่มีใครตอบได้จริงๆ ว่าทำไมถึงเหงา

อาจมีคนยืนอยู่ข้างๆ นอนข้างๆ นั่งข้างๆ

อาจอยู่ท่ามกลางฝูงชน

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เขาเหล่านั้น

จะสามารถเติมเต็มช่องว่างในหัวใจ

.
.
จงเติมคำในช่องว่าง

ต้อนรับเฉพาะคำตอบที่ถูกต้องเท่านั้น