26 ธ.ค. 2554

คำตอบ

คนบางคน รักฉันหมดทั้งใจ
แต่ได้คืนไปเพียงเสี้ยวหนึ่ง

คนบางคน ห่วงใยฉันตลอดเวลา
ฉันกลับเห็นค่าแค่เวลาเหงา

คนบางคน อยู่ไม่ได้หากไม่มีฉันและคำว่าเรา
แต่ฉันกลับให้เขาเป็นเพียงเงาของใครบางคน

คนบางคน ขาดฉัน แทบขาดใจ
ฉันกลับปล่อยเขาไว้ ให้ใจแทบขาดอยู่รอนๆ




คนบางคน นั่งอยู่เต็มหัวใจฉัน
แต่ฉันกลับได้เพียงเกาะที่ขอบใจเขา

คนบางคน ฉันคิดถึงเขาแทบทุกลมหายใจ
แต่เขากลับมีฉันในความคิดเพียงบางเวลา

คนบางคน ทั้งชีวิต ฉันอุทิศเพื่อใช้เดินทางร่วมกัน
แต่เขากลับมีที่ให้ฉันแค่ช่วงระยะทางหนึ่ง

คนบางคน ฉันร้องไห้ให้เขาแทบขาดใจ
เขาไม่ แม้เพียงจะชายตามอง


.
.
.
.
.
คำตอบอยู่ที่ใจตนเอง
ในตัวตนฉัน

เธอสัมผัสอะไร

ความเป็นฉันใช่ไหม

หรือเพียงใครที่ใช้ปรนเปรอ


ในชีวิตเธอ

มีฉันเสมอในวันพรุ่งนี้

อยากเคียงข้างทุกนาที

หรือเมื่อถึงเวลา เธอก็จากไป



ในแววตาฉัน

เธอมองเห็นอะไร

เสียงก้องจากหัวใจ

หรือเงาสะท้อนของเธอเอง



ในเสียงเพลงของเธอ

เธอมอบให้ใคร

ฉันที่อยู่ข้างกาย

หรือใครที่เธอตรึงตรา



ในวาจาคำว่า "รัก"

เธอเอ่ยมันเพื่อใคร

เพื่อฉันใช่ไหม

หรือสุดท้ายคือเพื่อเธอเอง

.
.
.
.
ปรัศนี

ถึงเวลาฟัง

ก็นานเท่าไรแล้ว ที่ฉันต้องคอยตามใจ

ถ้าเธอบอกคำไหน ต้องเห็นต้องได้ดังใจ

และความต้องการฉัน ก็เหมือนละอองดินทราย

ไม่เคยมีความหมาย ไม่เห็นเธอเคยรับฟัง



ไม่ใช่สิ่งของใด ให้เธอมาคอยจัดวาง

ก็มีความต้องการ ให้เธอ...เข้าใจ



ถึงเวลาเธอจะฟังฉันได้หรือยัง

ถึงเวลาเสียงของฉันควรมีความหมาย

เลิกพูดคำว่าเธอต้องการ หยุดฟังซะทีได้ไหม

คนอีกคนตรงนี้ก็มีหัวใจ



ถึงเวลาเธอจะฟังฉันได้หรือยัง

ช่วยเข้าใจ ใจอีกคนหนึ่งคนได้ไหม

ถึงเวลาที่เธอควรรู้ ว่าฉันต้องการอะไร

ถ้ายังบอกว่ารักฉันก็ขอให้ฟัง




ถ้าคำว่าความรัก นั้นหมายถึงการจำยอม

ฉันคงจะไม่พร้อม จะรักและทุ่มเทใจ

ถ้าเธอต้องการฉัน แค่เพราะฉันยอมตามใจ

ฉันก็จะบอกไว้ ว่าฉันไม่ต้องการเธอ





ไม่ใช่สิ่งของใด ให้เธอมาคอยจัดวาง

ก็มีความต้องการ ให้เธอ...เข้าใจ



ถึงเวลาเธอจะฟังฉันได้หรือยัง

ถึงเวลาเสียงของฉันควรมีความหมาย

เลิกพูดคำว่าเธอต้องการ หยุดฟังซะทีได้ไหม

คนอีกคนตรงนี้ก็มีหัวใจ



ถึงเวลาเธอจะฟังฉันได้หรือยัง

ช่วยเข้าใจ ใจอีกคนหนึ่งคนได้ไหม

ถึงเวลาที่เธอควรรู้ ว่าฉันต้องการอะไร

ถ้ายังบอกว่ารักฉันก็ขอให้ฟัง

ก็ถึงเวลา ถึงเวลาฟัง

23 ธ.ค. 2554

เนื้อแท้ของความเกรงใจ

เกรงใจ..กันบ้าง

ไม่ใช่เพียงเพราะรักษามรรยาทในสังคม

.
.
เมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น

ก็ควรนึกเห็นใจ คิดถึงสภาพที่เขาเป็น สภาพที่เขาอยู่

เช่นเดียวกับที่อยากให้เขาปฏิบัติต่อเรา

คนมีหลายจำพวก

บางจำพวกคิดถึงผู้อื่นเป็นอาจิณ บางครั้งก็คิดมากไป

กลัวเขาจะเดือดร้อน กลัวเขาจะมีปัญหา กลัวเขาจะไม่สบายใจ

จึงไม่กล้าเข้าหา ไม่กล้าทำอะไรกระทบกระเทือนสิทธิของผู้อื่น

ไม่ก้าวล่วงไปยังพื้นที่อาณาเขตของใคร

อาจมีบ้างที่ถูกเรียกว่า เป็นพวกขี้เกรงใจ

ถึงกระนั้น นั่นก็มิใช่ข้อเสียร้ายแรง

กลับเป็นความดีเสียด้วยซ้ำ เพราะแสดงให้เห็นว่า

เขาไม่ประสงค์จะเบียดเบียนผู้ใด


แต่คนบางจำพวก ก็มิได้เป็นอย่างจำพวกแรก

กลายเป็น ไม่มีความเกรงใจกันบ้างเลย

.
.
เมื่อเช้า นั่งรถตู้ของบริษัทมาทำงาน

เจอป้าขาประจำ ที่เรียกป้า เพราะอายุเค้า เป็นป้าฉันได้จริงๆ

ให้เรียกพี่ คงไม่ไหว

อาจด้วยสันดานดิบของเพศหญิงที่ชอบพูด ชอบจำนรรจา

ประกอบกับนิสัยโดยส่วนตัวของป้า ที่ใส่ใจผู้อื่นน้อยไป

ฉันขึ้นรถ มักเจอกับป้าท่านนี้บ่อยๆ

ด้วยความที่กลับบ้านในช่วงเวลาเดียวกัน

ไม่เคยมีสักครั้งที่จะไม่พูด

และไม่ใช่พูดธรรมดา

พูดที ได้ยินกันทั้งคันรถ

พูดน้ำไหลไฟดับ พูดได้ตั้งแต่ล้อหมุนจนกระทั่งรถจอด

พูดเรื่องนั้น แล้วไปเรื่องนี้ ราวกับ-ีเจาะปากมาพูด

เสียงก็หาใช่จะไพเราะ

ทั้งเล็ก แหลม ปนๆกับเสียงเหี่ยวๆ ตามสไตล์คนแก่

ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา

อายุปูนนี้ ควรจะสงบปาก สงบคำ สงบจิต สงบใจ

และเลิกเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง

ยิ่งพูดมาก โทษทางวจีกรรมก็ยิ่งมาก

พูดเพ้อเจ้อ ก็เป็นการก่อกรรมอย่างหนึ่ง

อย่างน้อย ก็กรรม ที่เกิดต่อบุคคลผู้ที่ไม่ประสงค์จะร่วมฟังเรื่องราวอันไร้สาระนั้น

อยากพูด อยากสนทนาอันใด เอาแต่พอประมาณ

คุยแต่พอประมาณ ในเรื่องสลักสำคัญ

รถตู้ก็มิใช่คันใหญ่

เสียงดังที่เปล่งออกมาจะไปไหนเสีย

นอกจากก่อความรำคาญวนไปเวียนมาแก่ผู้คนในรถนั้น

นี่เป็นกิริยาที่ส่อให้เห็นว่า ป้าท่านนี้ ไม่ได้คิดถึงผู้อื่น มากพอ

และกลายเป็น ผู้ไม่มีความเกรงใจผู้อื่น

.
.
.
เมื่อแก้ที่เขาไม่ได้ ก็แก้ที่ตัวเราเอง

ต่อแต่นี้ไป ฉันจะไม่ขึ้นรถคันเดียวกับป้าท่านนี้อีก

ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ

ความสงบสุขในจิตใจ และการอยู่นิ่งๆ เงียบๆ

ยังเป็นสิ่งที่ฉันหวงแหนเสมอ


เฮ้อ...เพลียหูจริงๆ

22 ธ.ค. 2554

ความเขินอายของหัวใจบอบบาง

รักใคร ถ้าไม่บอกออกไป แล้วเค้าจะรู้ไหม

ห่วงใคร ไม่แสดงให้รู้ เค้าคงไม่อาจเดา

หรือบางครั้ง รู้ทั้งรู้ แต่อยากได้ยินเสียง อยากเห็นแววตา ว่าห่วงกัน

.
.
อาการเก็บนิ่งของอารมณ์หรือความรู้สึก

เคยคิดว่า มักเกิดกับผู้ชาย

เพศที่เข้มแข็งและมักทำตามเหตุผล

แต่ในความเป็นจริง

ผู้หญิงก็เป็นได้

.
.
ใช่ว่าไม่รัก ใช่ว่าไม่ห่วง ใช่ว่าไม่หวง ใช่ว่าไม่หึง

แต่บางสิ่ง โดยเฉพาะสามัญเรื่องราว

ที่ใครๆก็รู้กัน

ยิ่งไม่อาจเห็นว่าสำคัญที่จะต้องพูด

หรือแม้เห็นว่าสำคัญ..ก็อายและจักจี้หัวใจ

เกินกว่าจะเอ่ยปากไป
.
.
ขอโทษ ถ้าคำพูดของฉัน ไม่อาจทำให้เธอรับรู้ได้ว่าฉันห่วง

ขอโทษ ถ้าแววตาของฉัน สื่อถึงเธอไม่ได้ ว่าฉันรักเธอมากเพียงใด

แต่ก็อยากให้รู้ แม้เธอจะอ่านฉันไม่ได้

ฉันก็รักเธอ
.
.
.
คนสำคัญในชีวิตฉัน..มีไม่กี่คน

ฉันพูดประโยคนี้บ่อยๆ

และมันหมายความเช่นนั้นจริงๆ

ฉันอาจดูอ่อนโยน

ฉันอาจดูเป็นมิตร อาจพูดคุยหยอกล้อ

หรือแม้อาจนั่งเป็นเพื่อน สำหรับใครหลายคน

แต่ไม่ใช่ทุกคน ที่สำคัญ

ฉันเหนื่อยง่าย เกินกว่าจะแบกทุกคนไว้บนบ่าได้หมด

แต่ฉันก็พยายาม ดูแลทุกคนที่ฉันแบก

ให้ดีที่สุด

ความพยายามสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง เป็นธรรมดา
.
.
แต่อยากให้รู้

ฉันจะไม่ปล่อยให้คนบนบ่า ต้องเสียน้ำตาโดยง่ายดาย

ใครจะทำร้าย ก็ต้องผ่านร่างกาย ผ่านหัวใจ ผ่านฉันไปก่อน

ก็เป็นคนแบกนี่นา

หรือแม้พลาดพลั้ง ไม่อาจปกป้องคนบนนั้นได้

ฉันก็จะยอม ให้น้ำตาที่หลั่ง ไหลรินมาเปียกบ่า เปียกร่างกาย

ให้ฉันได้ร่วมรับรู้ความเจ็บปวด ให้ได้เปียกปอนไปด้วยกัน
.
.
เพื่อคนสำคัญ บางครั้งก็ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด

เกินตัวไม๊..อาจใช่ในบางสถานการณ์

แต่คำว่าเกินตัว มักมาจากการมองของผู้อื่น

สำหรับฉัน ไม่มีคำว่าเกิน สำหรับคนสำคัญ

จะมีก็..ขาดไป เสียมากกว่า

.
.
คนสำคัญก็คือคนสำคัญ

อดีต ถึงปัจจุบัน ไม่เปลี่ยนแปลง

แม้บอกรักไม่บ่อย..ใช่ว่าจะรักน้อยลง



.
.
.
รักก็คือรัก

19 ธ.ค. 2554

ฉันเกลียดกลอนรัก

ฉันเกลียดกลอนรัก  ที่ทอถักด้วยถ้อยคำอันประณีตงดงาม

ฉันเกลียดกลอนรัก  ที่พร่ำพรรณนาถึงความหลังที่ฝังแน่นในหัวใจ

ฉันเกลียดกลอนรัก  ที่ประกาศให้โลกรู้ว่าความรักนั้นสวยงามเพียงไหน

ฉันเกลียดกลอนรัก  ที่เขียนโดยคนรักของฉัน  แต่ไม่ได้เขียน..เพื่อมอบให้ฉัน



ไม่สำคัญว่า เขาเขียนกลอนรักหวานซึ้งให้หญิงคนใดในโลก

ไม่สำคัญว่า หญิงในบทกลอนนั้น มีตัวตนจริงหรือไม่ อยู่แห่งหนตำบลไหน

ไม่สำคัญว่า เขากับหญิงนั้น ผูกพันลึกซึ้ง หรือเป็นเพียงคนึงหาที่ตราตรึงเขาเพียงถ่ายเดียว

ไม่สำคัญว่า เขาเขียนมันด้วยสัจจะจากหัวใจ หรือเพียงปั้นแต่งขึ้นตามอารมณ์

สิ่งสำคัญคือ ความโศกเศร้าเหลือประมาณ ของใครบางคน ที่ได้อ่านมัน



No entering into the site of Artyhouse
No more painful...

19 Dec 2011
@ Tillike & Gibbins

สัจจะ นิรันดร์

บางคน...ร่วมสุข ร่วมทุกข์

บางคน...ร่วมทุกข์  แต่ไม่เรียกร้องร่วมสุข

บางคน...ร่วมสุข และทำเพียงรับรู้ทุกข์

บางคน...สุข ทุกข์  เรื่องของมึง







หน้าฉันหมอง  บางคนไม่รู้ว่าหน้าฉันหมอง

หน้าฉันหมอง  บางคนทักว่าหน้าฉันหมอง

หน้าฉันหมอง  บางคนบอกให้ฉันเลิกทำหน้าหมองๆ

หน้าฉันหมอง  บางคนทำให้ฉันหน้าหายหมอง



17 ธันวาคม 2554
บน MRT จากศูนย์สิริกิติ์ ไป บางซื่อ

16 ธ.ค. 2554

รออะไร เมื่อใจอยากกลับไปเต็มทน

นานเท่าไหร่แล้ว


ไม่ได้พบเจอ


ไม่ได้สัมผัส อ้อมกอดอบอุ่น


ไม่ได้ลิ้มรส ฝีมือปลายจวัก ที่คุ้นเคย



เมื่อยังเด็ก  อ่อนต่อโลก เดียงสาต่อการใช้ชีวิต


ย่อมอยากรู้อยากเห็น อยากโบยบิน อย่างอิสระ


อยากยืนหยัดและเผชิญโลก ด้วยแข้งขาของตัวเอง



จากอกพ่ออกแม่  และสัญญาว่าจะกลับไป  ในสักวัน


ใครถามว่าความฝันอันสูงสุดคืออะไร


ก็ตอบโดยไม่ลังเล


"ได้กินกับข้าวอร่อยๆ ฝีมือพ่อแม่"



นั่นเป็นเพียงคำตอบคร่าวๆ ลวกๆ


แท้จริง เงื่อนไขที่ค้ำหนุน มีมากกว่านั้น



ต้องมีพร้อม


อะไรบ้างจึงจะเรียกว่าพร้อม



ทุนนิยม ฝังลึกลงในกมลสันดาน


ทั้งตัวเรา และคนรอบข้าง


ยากยิ่งนักที่จะแยกแยะ  ว่าอะไรคือตัวตน อะไรคือแต่งเติม



อยากทำงาน แล้วกลับบ้านไป มีความอบอุ่น คอยยิ้มต้อนรับ


ในทุกๆเย็น



งานเหนื่อยแค่ไหน ไม่ทำให้อ่อนล้า เท่าความเงียบเหงา


และอ้างว้าง  โดดเดี่ยว




ใครเลยจะมอบความอบอุ่นให้เราได้ เทียบเท่าผู้ให้กำเนิด


ใครเลยจะให้โดยไม่มีเงื่อนไข หรือคาดหวังสิ่งใดตอบแทน


ใครเลยจะบริสุทธิ์ใจ และทำทุกอย่างเพื่อเรา โดยไร้ข้ออ้าง หรือความกังขา


ใครเลยจะสม่ำเสมอในรัก...เฉกเช่นหัวใจสองดวงนั้น



คนอื่น วันนี้รัก พรุ่งนี้รักน้อยลง วันมะรืนรักมากขึ้น วันถัดไป ไม่รักอีกแล้ว


อะไรๆก็เกิดขึ้นได้


จะเอาอะไร  กับหัวใจคน


วันก่อนรักคนอื่น


วันนี้รักเรา


แล้วไฉน วันหน้า เค้าจะไม่รักคนใหม่



โคจรมาพบเจอ  ใช้เวลาร่วมกัน  มากบ้าง น้อยบ้าง


แล้วแต่บุญกรรม ทำร่วมกันมา


บางคน เป็นแค่เส้นตัด ที่ไม่อาจมีจุดบรรจบ


บางคน พบ แล้วทิ้ง..บางสิ่งไว้


แต่บางคน  พบแล้วผ่านเลย โดยไร้ร่องรอย



ใครเลย จะเคียงคู่ขนาน และร่วมหัว กลาง ท้าย ไปกับเรา


ได้อย่างแท้จริง



ทุกคนเกิดมาเพื่อดำรงอยู่


เพื่อลมหายใจของตนเอง


เป็นเรื่องธรรมดา



อย่าถือสา ถ้าบางครั้ง จะเกินเลย จนถึงขั้นเห็นแก่ตัว


มันพูดยาก และดูขมุกขมัว ไม่ชัดเจน ว่าเค้าเป็นเช่นนั้นจริง


หรือแค่คิดถึงคนอื่นน้อยเกินไป



ใครต่อใครว่า  ก่อนจะรักคนอื่น ให้รักตนเอง ให้เป็น..เสียก่อน


รักตัวเอง ใครๆก็ทำได้  แต่รักตัวเองให้เป็น  ยากยิ่งนัก



ตัวตนที่แท้จริง มักอยู่ลึกลงไป และเห็นได้พร่ามัว


จนบางครั้ง ก็ลืมมอง


ในขณะที่คนอื่น  กลับเห็นได้ชัด


และคนเรา ก็มักเลือกมองสิ่งที่มันชัดเจน


เพราะไม่ต้องใช้ความพยายามในการเพ่ง


ไม่ต้องเหนื่อย และไม่ต้องเสียสายตา



ชีวิตวันข้างหน้า  จะเป็นเช่นไร


เราจะกำหนดด้วยตัวเอง


จะเดินเพียงลำพัง


หรือจะเกาะแขนขาใคร


เราเท่านั้นเป็นผู้กำหนด



ความรู้สึกและเหตุผลปะทะกันบ้าง


เป็นเรื่องปกติ



ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ..ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง


โรส ร้องเอาไว้ ในเพลง  ก้อนหินในมือ



กำเอง เจ็บเอง  คิดเอง  ทำเอง  ทุกข์เอง


แล้วจะไปโทษคนอื่นทำไม




แด่ .. หัวใจที่เจ็บปวด
16 ธันวาคม 2554