23 ธ.ค. 2554

เนื้อแท้ของความเกรงใจ

เกรงใจ..กันบ้าง

ไม่ใช่เพียงเพราะรักษามรรยาทในสังคม

.
.
เมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น

ก็ควรนึกเห็นใจ คิดถึงสภาพที่เขาเป็น สภาพที่เขาอยู่

เช่นเดียวกับที่อยากให้เขาปฏิบัติต่อเรา

คนมีหลายจำพวก

บางจำพวกคิดถึงผู้อื่นเป็นอาจิณ บางครั้งก็คิดมากไป

กลัวเขาจะเดือดร้อน กลัวเขาจะมีปัญหา กลัวเขาจะไม่สบายใจ

จึงไม่กล้าเข้าหา ไม่กล้าทำอะไรกระทบกระเทือนสิทธิของผู้อื่น

ไม่ก้าวล่วงไปยังพื้นที่อาณาเขตของใคร

อาจมีบ้างที่ถูกเรียกว่า เป็นพวกขี้เกรงใจ

ถึงกระนั้น นั่นก็มิใช่ข้อเสียร้ายแรง

กลับเป็นความดีเสียด้วยซ้ำ เพราะแสดงให้เห็นว่า

เขาไม่ประสงค์จะเบียดเบียนผู้ใด


แต่คนบางจำพวก ก็มิได้เป็นอย่างจำพวกแรก

กลายเป็น ไม่มีความเกรงใจกันบ้างเลย

.
.
เมื่อเช้า นั่งรถตู้ของบริษัทมาทำงาน

เจอป้าขาประจำ ที่เรียกป้า เพราะอายุเค้า เป็นป้าฉันได้จริงๆ

ให้เรียกพี่ คงไม่ไหว

อาจด้วยสันดานดิบของเพศหญิงที่ชอบพูด ชอบจำนรรจา

ประกอบกับนิสัยโดยส่วนตัวของป้า ที่ใส่ใจผู้อื่นน้อยไป

ฉันขึ้นรถ มักเจอกับป้าท่านนี้บ่อยๆ

ด้วยความที่กลับบ้านในช่วงเวลาเดียวกัน

ไม่เคยมีสักครั้งที่จะไม่พูด

และไม่ใช่พูดธรรมดา

พูดที ได้ยินกันทั้งคันรถ

พูดน้ำไหลไฟดับ พูดได้ตั้งแต่ล้อหมุนจนกระทั่งรถจอด

พูดเรื่องนั้น แล้วไปเรื่องนี้ ราวกับ-ีเจาะปากมาพูด

เสียงก็หาใช่จะไพเราะ

ทั้งเล็ก แหลม ปนๆกับเสียงเหี่ยวๆ ตามสไตล์คนแก่

ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา

อายุปูนนี้ ควรจะสงบปาก สงบคำ สงบจิต สงบใจ

และเลิกเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง

ยิ่งพูดมาก โทษทางวจีกรรมก็ยิ่งมาก

พูดเพ้อเจ้อ ก็เป็นการก่อกรรมอย่างหนึ่ง

อย่างน้อย ก็กรรม ที่เกิดต่อบุคคลผู้ที่ไม่ประสงค์จะร่วมฟังเรื่องราวอันไร้สาระนั้น

อยากพูด อยากสนทนาอันใด เอาแต่พอประมาณ

คุยแต่พอประมาณ ในเรื่องสลักสำคัญ

รถตู้ก็มิใช่คันใหญ่

เสียงดังที่เปล่งออกมาจะไปไหนเสีย

นอกจากก่อความรำคาญวนไปเวียนมาแก่ผู้คนในรถนั้น

นี่เป็นกิริยาที่ส่อให้เห็นว่า ป้าท่านนี้ ไม่ได้คิดถึงผู้อื่น มากพอ

และกลายเป็น ผู้ไม่มีความเกรงใจผู้อื่น

.
.
.
เมื่อแก้ที่เขาไม่ได้ ก็แก้ที่ตัวเราเอง

ต่อแต่นี้ไป ฉันจะไม่ขึ้นรถคันเดียวกับป้าท่านนี้อีก

ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ

ความสงบสุขในจิตใจ และการอยู่นิ่งๆ เงียบๆ

ยังเป็นสิ่งที่ฉันหวงแหนเสมอ


เฮ้อ...เพลียหูจริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น