เกรงใจ..กันบ้าง
ไม่ใช่เพียงเพราะรักษามรรยาทในสังคม
.
.
เมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น
ก็ควรนึกเห็นใจ คิดถึงสภาพที่เขาเป็น สภาพที่เขาอยู่
เช่นเดียวกับที่อยากให้เขาปฏิบัติต่อเรา
คนมีหลายจำพวก
บางจำพวกคิดถึงผู้อื่นเป็นอาจิณ บางครั้งก็คิดมากไป
กลัวเขาจะเดือดร้อน กลัวเขาจะมีปัญหา กลัวเขาจะไม่สบายใจ
จึงไม่กล้าเข้าหา ไม่กล้าทำอะไรกระทบกระเทือนสิทธิของผู้อื่น
ไม่ก้าวล่วงไปยังพื้นที่อาณาเขตของใคร
อาจมีบ้างที่ถูกเรียกว่า เป็นพวกขี้เกรงใจ
ถึงกระนั้น นั่นก็มิใช่ข้อเสียร้ายแรง
กลับเป็นความดีเสียด้วยซ้ำ เพราะแสดงให้เห็นว่า
เขาไม่ประสงค์จะเบียดเบียนผู้ใด
แต่คนบางจำพวก ก็มิได้เป็นอย่างจำพวกแรก
กลายเป็น ไม่มีความเกรงใจกันบ้างเลย
.
.
เมื่อเช้า นั่งรถตู้ของบริษัทมาทำงาน
เจอป้าขาประจำ ที่เรียกป้า เพราะอายุเค้า เป็นป้าฉันได้จริงๆ
ให้เรียกพี่ คงไม่ไหว
อาจด้วยสันดานดิบของเพศหญิงที่ชอบพูด ชอบจำนรรจา
ประกอบกับนิสัยโดยส่วนตัวของป้า ที่ใส่ใจผู้อื่นน้อยไป
ฉันขึ้นรถ มักเจอกับป้าท่านนี้บ่อยๆ
ด้วยความที่กลับบ้านในช่วงเวลาเดียวกัน
ไม่เคยมีสักครั้งที่จะไม่พูด
และไม่ใช่พูดธรรมดา
พูดที ได้ยินกันทั้งคันรถ
พูดน้ำไหลไฟดับ พูดได้ตั้งแต่ล้อหมุนจนกระทั่งรถจอด
พูดเรื่องนั้น แล้วไปเรื่องนี้ ราวกับ-ีเจาะปากมาพูด
เสียงก็หาใช่จะไพเราะ
ทั้งเล็ก แหลม ปนๆกับเสียงเหี่ยวๆ ตามสไตล์คนแก่
ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา
อายุปูนนี้ ควรจะสงบปาก สงบคำ สงบจิต สงบใจ
และเลิกเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง
ยิ่งพูดมาก โทษทางวจีกรรมก็ยิ่งมาก
พูดเพ้อเจ้อ ก็เป็นการก่อกรรมอย่างหนึ่ง
อย่างน้อย ก็กรรม ที่เกิดต่อบุคคลผู้ที่ไม่ประสงค์จะร่วมฟังเรื่องราวอันไร้สาระนั้น
อยากพูด อยากสนทนาอันใด เอาแต่พอประมาณ
คุยแต่พอประมาณ ในเรื่องสลักสำคัญ
รถตู้ก็มิใช่คันใหญ่
เสียงดังที่เปล่งออกมาจะไปไหนเสีย
นอกจากก่อความรำคาญวนไปเวียนมาแก่ผู้คนในรถนั้น
นี่เป็นกิริยาที่ส่อให้เห็นว่า ป้าท่านนี้ ไม่ได้คิดถึงผู้อื่น มากพอ
และกลายเป็น ผู้ไม่มีความเกรงใจผู้อื่น
.
.
.
เมื่อแก้ที่เขาไม่ได้ ก็แก้ที่ตัวเราเอง
ต่อแต่นี้ไป ฉันจะไม่ขึ้นรถคันเดียวกับป้าท่านนี้อีก
ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
ความสงบสุขในจิตใจ และการอยู่นิ่งๆ เงียบๆ
ยังเป็นสิ่งที่ฉันหวงแหนเสมอ
เฮ้อ...เพลียหูจริงๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น