29 พ.ค. 2556

แฟนเก่า..แสลงใจ..ใคร?



รักมาก แค้นมาก

ความรู้สึกนี้ ข้าพเจ้าก็เคยพบ เคยผ่าน

และเชื่อว่าเป็นเรื่องธรรมดามากๆ

เป็นคล้ายๆ ความรู้สึกสามัญที่ต้องพบเจอกันอยู่ร่ำไป

ในทุกผู้ทุกคน



ข้าพเจ้าเคยมีแฟน

แฟนที่รักกันมาก

แต่ก็เกลียดกันมากเช่นกัน

เราทั้งรัก ทั้งชัง

ทั้งอยากเลิก และไม่อยากเลิก

ทั้งอยากกลับไปมีวันคืนที่สวยงาม

แต่ก็ลังเล ว่าจะสวยงามจริงไหม

สุดท้าย เราก็ไม่ได้กลับไปเหมือนเดิมอีก



ช่วงเวลาที่แผลกำลังสดๆ ร้อนๆ

หรือแม้จะเริ่มตกสะเก็ดบ้างแล้วก็เหอะ

ให้ตายสิ

อย่าให้ได้รู้ ให้ได้เห็นเชียว

ว่ามีคนใหม่แล้ว

หรือกำลังคุยกับใครคนอื่น

มันจะจี๊ด มันจะเจ็บ

ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าจะไปเจ็บ ไปจี๊ดทำไม

เลิกกันไปแล้ว ก็เป็นอิสระจากกัน

ใครจะไปคุย ไปคบกับใคร

ก็เป็นสิทธิของคนนั้น




และที่สำคัญ

ข้าพเจ้ามักจะเป็นฝ่ายมีใหม่ก่อนเสมอ

(ฮา)

แต่ก็ไม่วายรู้สึกย่ำแย่ เวลาเห็นว่า คนเคยรักเหล่านั้น

กำลังคุย หรือ ทำความรู้จักกับใครเป็นพิเศษ




ข้าพเจ้านับผู้ชายที่คบเป็นแฟนจริงๆ

แฟนที่คบกันได้นาน

เป็นความทรงจำที่ค่อนข้างมีความฉาบฉวยเคลือบไว้ในปริมาณไม่มากเกินไปนัก

เพียงแค่ 3 คน



และก็ต้องสารภาพว่า

เมื่อข้าพเจ้ามีคนใหม่

บางครั้ง ในหัวใจก็ยังหวนคิดถึงคนเก่า

บางครั้ง เมื่อระหองระแหงกับคนปัจจุบัน

และคนเก่าๆ เหล่านั้น ยังอยู่ที่เดิม

ข้าพเจ้าก็มีความหวั่นไหว

มีใจเอนเอียง

จะกลับไปดีไหม

อิรุงตุงนัง และเกิดความเจ็บปวดแก่จิตใจของใครหลายๆ คนอยู่หลายครั้ง

ถึงขั้นคนเก่ามากราบเท้าอ้อนวอนขอข้าพเจ้าคืนจากคนใหม่

ถึงขั้นคนเก่าโทรมาไซโคลคนใหม่ ว่าคบกับข้าพเจ้าก็ไปไม่รอดหรอก

ข้าพเจ้าเอาแต่ใจ ขี้โมโห บลา บลา บลา

(ดราม่าสุดๆ ...เรื่องแบบนี้ ในชีวิตจริงยิ่งกว่าละครอีกนะเออ)




ข้าพเจ้าไม่เคยรู้สึกสูญเสียใครไปจริงๆ เลยสักคน

เพราะตั้งแต่คนแรก จนถึงคนสุดท้าย

ก็ดูเหมือนจะรอ เหมือนจะโหยหาความทรงจำในอดีต

และพร้อมจะโอบกอดข้าพเจ้าอยู่เสมอ

แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นปีหรือหลายปี แล้วก็ตาม



จนกระทั่ง ข้าพเจ้า "รัก" ผู้ชายคนปัจจุบัน



แฟนเก่าเหล่านั้น ก็หายไปทีละคน

และต่อมา พวกเขาก็มีแฟนใหม่ไปทีละคน

(น่าสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเพราะอะไร ฮ่าๆๆ)



มันเป็นความรู้สึกพิลึกพิลั่นอย่างไรชอบกล

คล้ายๆ ของหาย

แต่ถามว่าอยากได้คืนไหม

ก็ไม่

คล้ายๆ จะหวง

แต่ถามว่าให้ครอบครองจะเอาไหม

ก็ไม่อีกเช่นกัน




ความรู้สึกเช่นนี้กระมัง ที่เขาเรียกๆ กันว่า "แสลงใจ"



เราต่างเป็นอิสระต่อกันแล้ว

แต่นั่นก็หาใช่อิสระอย่างแท้จริงไม่

บางสิ่งบางอย่างผูกมัดเราไว้

บางๆ เบาๆ

ไม่รู้จะแก้ตรงไหน

เพราะมองด้วยตาเปล่า แทบจะไม่เห็น



ถ้อยคำจากเขาเหล่านั้น

"เรารักกันขนาดนี้ เหมาะกันขนาดนี้ ทำไมตอนนั้นเราเลิกกันวะ"

"ฉันบอกให้เธอกลับมา เธอก็ไม่กลับมา" (กรูรอเมิงกลับมาจะสี่ปีละ -*-)

"ให้ทำอะไรก็ยอม"

มันวนเวียนๆ อยู่ในหัว ในบางที




เวลาผ่านมาเกือบสองปี

แฟนเก่าติดต่อมาบ้าง

แอดเฟสมาบ้าง

ข้าพเจ้ารับแอดบ้าง

แล้วก็อันเฟรนด์ไป




เมื่อไม่นานมานี้

แฟนเก่าคนสุดท้าย

โทรมาขอความช่วยเหลือ

ให้ช่วยแปลบทคัดย่อ

เพื่อเขาจะได้จบ ป.ตรี เสียที

ข้าพเจ้าก็ทำให้



ทำให้โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่มีข้ออ้าง

ทำให้ด้วยความรวดเร็ว เหมือนเมื่อครั้งนั้น

ที่ข้าพเจ้าเคยทำให้เขา

ข้าพเจ้าแอบคิดว่า

เขาจะเข้าใจผิดไหม ว่าข้าพเจ้ายังรู้สึกอะไรกับเขาอยู่

หรือเขาจะคิดแค่เพียงว่า

ข้าพเจ้าอาจยังมีใจ เลยหลอกใช้งาน ให้ทำงานให้เสียเลย

แต่ช่างเถอะ

ไม่ว่าจะอย่างไร

ข้าพเจ้ามีเหตุผลของตัวเอง

และเข้าใจความรู้สึกของตัวเองอย่างแจ่มชัด




เดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้าปฏิเสธใครไม่ค่อยเป็น

เจอขอทานก็ให้

ให้เยอะ

บางครั้ง ข้าพเจ้าก็แทบไม่มีเงิน

ก็ยังให้

หรือใครมาขอให้ช่วยงาน

ก็ช่วย

ให้ทำอะไร

ก็ทำ

ข้าพเจ้าไม่แปลกใจตัวเองหรอก

ที่ตกปากรับคำช่วยเขาอย่างง่ายดาย

สิ่งที่ข้าพเจ้าทำให้เขานั้น

มันแค่ขี้เล็บ

เป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว

และเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ข้าพเจ้าทุ่มเทให้คนรักคนปัจจุบัน






หลังจากนั้น เขาแอดเฟสข้าพเจ้า

ข้าพเจ้ารับแอด

เขาจึงเป็นแฟนเก่าคนเดียว ที่เป็นเพื่อนในเฟสของข้าพเจ้า



ข้าพเจ้าจึงได้เห็นว่า เขามีแฟนใหม่แล้ว

น่ารักเสียด้วย

นั่นคงเป็นการประกาศว่า

เออ กูก็มีคนใหม่แล้วนะ

น่ารักกว่ามรึง เด็กกว่ามรึงด้วย



ตามปกติ

ข้าพเจ้าคงต้องรู้สึกอะไรบ้าง

เออ นั่นสิ

มันต้องรู้สึกอะไร

เขามีแฟนใหม่แล้ว ไม่เห็นบอกแกซักคำ

โทรมาอ้อน มาทำเสียงหวานๆ บอกคิดถึง

ให้แกทำงานให้

พอแกทำงานเสร็จ

เขาก็มาเฉดหัวแกออกไปจากชีวิต ด้วยการเปิดตัวแฟนใหม่อย่างเป็นทางการ

แกต้องจี๊ด ต้องโกรธสิวะ




ข้าพเจ้าได้รู้จักตัวเองจริงๆ

ก็ในวันนี้

ว่าข้าพเจ้าเป็นอิสระจากเขาเหล่านั้นแล้ว

อย่างแท้จริง

เพราะความรู้สึก "แสลงใจ" ที่ควรจะมี

กลับไม่มี

ซ้ำยังยินดี ยังอมยิ้ม กับความน่ารักของคู่เขาบ้าง

นั่นคือสิ่งมหัศจรรย์ ที่ข้าพเจ้าคาดไม่ถึงจริงๆ

บางที ข้าพเจ้าก็รู้จักตัวเองน้อยไป

และดูถูกความเข้มแข็งของตัวเอง มากเกินไป




การได้ยินดี กับความสุขของใครสักคน

ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง

การไม่รู้สึกเป็นทุกข์

เมื่อคนอื่นเป็นสุข

ก็เป็นความสุขอีกอย่างหนึ่ง

ความรัก..ไม่เคยทำร้ายใครจริงๆ ด้วย



เราอาจเคยรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่

มันสาหัส จะตายเอาเสียให้ได้

เหมือนจะล้มทั้งยืน เหมือนไม่มีเรี่ยวแรง

นอนนิ่งๆ อยู่บนเตียง

ไม่อยากไปไหน ไม่อยากทำอะไร



แต่เมื่อเวลาผ่านพ้น

เมื่อบาดแผลสมานตัวเอง

เมื่อเรามองย้อนกลับไป

มันก็เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่เราเคยผ่านมา

"มันเล็กนิดเดียวเองนี่หว่า"




วันนี้ ข้าพเจ้าส่องเฟสของบรรดาแฟนเก่า

ด้วยรอยยิ้ม

ประหนึ่งว่าจะทำการทดลองตามสมมติฐานที่ตั้งเอาไว้

และผลการทดลองก็สามารถยืนยันได้ว่า

อิสระ..อยู่กับข้าพเจ้าแล้ว..โดยแท้จริง

อดีต...ไม่มีผลกับความรู้สึกและหัวใจของข้าพเจ้าอีกต่อไป

มันน่ายินดี..จริงๆ




ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

ให้กลับไปดูก็คงยาก

เพราะโลกของข้าพเจ้า มีเพียงคนรักคนนี้ มานานแสนนาน

เกินกว่าจะกลับไปค้นได้แล้วว่า

คนเก่าๆ เหล่านั้น หลุดหายไปจากหัวใจข้าพเจ้าโดยสิ้นเชิง

ตั้งแต่เมื่อใด




ชาติหน้าฉันใด ให้ข้าพเจ้ามีคนรัก คือ คนนี้ เพียงคนเดียว



ป.ล.  การส่องเฟส รวมเลยไปถึงเพื่อนเก่าที่รักกันมาก แต่เลิกคบกันไปด้วยเหตุผลควายๆ

น่ายินดีเช่นกัน ที่ข้าพเจ้าก็ยินดี เมื่อเขายินดี

ข้าพเจ้าก็เป็นอิสระจากเขาแล้วเช่นกัน


ขอบคุณทุกๆ คน..ที่ไม่ได้ตั้ง Privacy ไว้

น่าแปลกใจจริงๆ

ฮ่าๆ





ด้วยรัก

แพรวา มั่นพลศรี

29 พฤษภาคม 2556



2 ความคิดเห็น:

  1. ดีแล้วแกะ
    โตเป็นผู้ใหญ่
    ต้องใจกว้าง
    ใจดี
    มีพรหมวิหาร

    :D

    ตอบลบ
  2. ได้แค่บางเรื่อง บางครั้ง บางคน บางสถานการณ์นะ ;p

    ตอบลบ