แล้วพระเจ้า.. ก็นำเอาความหวานของเกสรดอกไม้ นำเอาความแปรปรวนของกระแสลม นำเอาความปราดเปรียวของกวาง นำเอาความดุร้ายของเสือโคร่ง นำเอาความลึกลับของทะเลมารวมกัน แล้วพระองค์กล่าวว่า.. ....จงเป็นผู้หญิง!!
17 พ.ค. 2556
บันทึกเล็กๆ หมายเลข 3..มนุษย์เงินเดือนเต็มสูบ
วันที่ 16 พฤษภาคม (อาจถือว่า) เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของข้าพเจ้า
.
.
.
เปล่าเลย ไม่ใช่วันหวยออก
ต้องสารภาพตามตรงว่าข้าพเจ้าเล่นหวยมิใช่เป็น
เต็ง โต้ดอะไร ไม่เห็นเข้าใจ
(จริงๆ)
16 พฤษภาคม 2554 เป็นวันแรกสำหรับการเริ่มต้น
ชีวิตการทำงาน
หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เลี้ยงน้อง เลี้ยงพ่อ เลี้ยงแม่
.
.
ข้าพเจ้าเริ่มต้นอย่าง (ที่คิดในตอนนั้น) ค่อนข้างดี
ได้ทำงานใน Law Firm (บริษัทที่ปรึกษากฎหมาย)
เป็น firm ไทยที่ต่อท้ายด้วยคำว่า International
เป็น firm ใหญ่ที่เด็กนิติจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจ
โดยเฉพาะเด็กนิติที่ (คิดว่าตัวเอง) สนใจเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา
เพราะ firm นี้
ดังและใหญ่มาก
ย้อนไปถึงตอนสมัยเรียน ป.ตรี
ข้าพเจ้านึกชังวิชากฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอยู่ไม่น้อย
หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ
ข้าพเจ้าเกลียดมันเข้าตับเข้าไตเลยทีเดียว
เหตุเพราะ
เรียนไม่รู้เรื่อง (อันเนื่องมาจากการไม่เข้าเรียน และแม้เข้าเรียน ก็มิได้เรียนอย่างรู้เรื่องอยู่ดี)
แถมแอร์ในห้องเรียนก็เย็นยังกับจะดับจิตให้แดดิ้นตาย
ข้าพเจ้าเคยสบถทั้งในใจและนอกใจอย่างไม่หยาบคายเท่าใดนักว่า
"เปิดแอร์เอาโล่รึไงฟระ (ความจริงคือ ตรูขี้หนาวเอง เหอๆ)"
สาเหตุหลายๆ ประการ หล่อหลวมรวมกัน
ให้ข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ที่โง่เง่าในเรื่อง IP เป็นอย่างยิ่ง
ข้าพเจ้าได้เกรด A ในวิชานี้
แต่มิได้มีความรู้อันใดติดหัวติดตัวหรือแม้เกาะมาตามปลายไส้ติ่งที่ยังไม่ได้ตัดแม้แต่น้อย
เป็นการท่องจำเข้าไปสอบ
และอาศัยการเขียนเชิงกฎหมายที่พอมีทักษะกับเขาบ้างนิดหน่อย
เอาตัวรอดมาได้
ต้องกราบขออภัยท่านอาจารย์ปริญญา ดีผดุงมา ณ ที่นี้
ที่เป็นศิษย์ยอดแย่เหลือเกิน
ข้าพเจ้าได้เรียนอีกวิชาหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับ IP
แต่เป็น IP บนโลก Social Network
คือวิชา กฎหมายอินเตอร์เน็ต
แม่เจ้าโว้ยย
คิดอะไรจึงไปเลือกเรียนวิชานี้
เรียนกับ อ.ไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ
มีการทำงานกลุ่มเพื่อเก็บคะแนน
โดยศึกษาข้อกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับโลกอินเตอร์เน็ต
กลุ่มใหญ่เลยทีเดียว
และกลุ่มข้าพเจ้าก็เป็นกลุ่มที่อาจารย์ถึงกับบอกว่า
อาจารย์ไม่คิดว่ากลุ่มนี้จะไปรอดเลยนะ
เนื่องด้วย เป็นกลุ่มที่มาจากคนละทิศคนละทาง
และอาศัยการขอเข้ากลุ่มแบบหวังฝากชื่อ
ประมาณ เอ้า ใครยังไม่มีกลุ่มอยู่ มาทางนี้
เป็นกลุ่มเอื้ออาทรโดยแท้
และสมาชิกในกลุ่มมิได้มีความสนิทสนมกลมเกลียวกันอย่างเช่นกลุ่มอื่น
ทว่า
แทแด๊..
เมื่อถึงคราว Presentation (ซึ่งอาจารย์บังคับว่าสมาชิกในกลุ่มต้องได้พูดทุกคน)
กลุ่มข้าพเจ้าทำคะแนนได้สูงสุดในชั้นเรียน
จำได้แม่นเลยทีเดียว
115 คะแนน (เกิน 100 ไปอีกนั่น)
เหตุเพราะ
ข้าพเจ้าแบ่งและบังคับให้ทุกคนต้องช่วยกันหาข้อมูล
โดยขู่ว่า ถ้าใครไม่ทำ หรือนัดประชุมแล้วใครไม่มา
จะตัดชื่อออกเลย
(ทำหน้าเข้มและเสียงดุ บอกผ่านไปยังหัวหน้ากลุ่มนอมินี ให้ส่งข่าวไปยังทุกคนโดยเร่งด่วน)
ฮ่าๆๆ
โหด โหด
ข้าพเจ้าเรียกเพื่อนๆ พี่ๆ ในกลุ่มมาประชุมค่อนข้างบ่อย
(แต่ก็ไม่เท่าไหร่นะ หุๆ)
ที่ต้องเรียกบ่อยก็เพราะ
ไอ้งานที่ทำๆ กันมา
หาข้อมูลกันมา
ซึ่งข้อมูลบางอย่าง เดาว่าต้นฉบับมาจากภาษาอังกฤษ
แล้วคนๆ นั้นแปลโดย
Google translation
จำได้ว่า
มีคืนหนึ่ง
ข้าพเจ้านั่งอ่านข้อมูลที่รวบรวมจากทุกคนมาได้
ซึ่งเป็นปึกค่อนข้างใหญ่
แต่ใช้ไม่ได้เลย เพราะอ่านไม่รู้เรื่อง
ถึงขั้นต้องปาทิ้งทั้งกอง
(อารมณ์รุนแรงมาก)
และเรียกประชุมในวันถัดมา
(ชุมนุมโดยความสงบ ปราศจากความรุนแรงใดๆ แม้จะโกรธในความชุ่ยและมักง่ายมากๆ ก็ตาม)
อย่างไรเสีย
ครั้งนั้น ก็เป็นประสบการณ์ที่ข้าพเจ้าประทับใจมาก
เพราะสุดท้าย
เราๆ ทั้งหลาย ผู้ร่วมชะตากรรม
ก็ผ่านพ้นมันมาได้
โดยที่ไม่มีใคร ได้ชื่อว่าเป็นกาฝากอย่างเต็มรูปแบบ
เป็นตัวเกาะ โดยไม่ทำ -่า อะไร
บางคนอาจงงๆ อาจ present ตะกุกตะกัก
แต่ด้วยเพราะข้าพเจ้าพยายามแบ่งหัวข้อให้แต่ละคนพูด
โดยอิงจากหัวข้อที่เขาหาข้อมูลมา
(ถ้าตอนหาข้อมูล คุณมรึงไม่ได้อ่าน
สักแต่ว่าหามาส่งๆ
คราวนี้แหละ ไปอ่านให้ตาแฉะและแตกฉานซะ ฮะฮ่า..(นางมารจริงๆ))
ท้ายที่สุด
เราก็ช่วยกันเอาตัวรอดมาได้
โดยได้รับคำชมและคะแนนอันท่วมท้น
ขอบคุณทุกคนจริงๆ
ข้อสอบวิชา กฎหมายอินเตอร์เน็ต
เป็นข้อสอบ Open book
แต่เป็น Open book ที่นักศึกษาใช้เวลากันได้คุ้มค่าเป็นอย่างมาก
(ผิดกับวิชาอื่นๆ)
เป็นการสอบวิชาสุดท้ายของชีวิตการเรียนมหาวิทยาลัยในชั้น ป.ตรี
ตัวข้อสอบมีโจทก์มาให้หลายข้อ และให้นักศึกษาเลือกทำบางข้อ
หรือจะทำทุกข้อก็ได้ไม่ว่ากัน
ประเด็นคือว่า ปริมาณไม่สำคัญ
เน้นคุณภาพ
โดยที่ คนทำข้อเดียวอาจได้ A
และคนทำทุกข้อก็มีสิทธิได้ F
เอากะท่านสิ
แนวจริงๆ
วันนั้น ในเฟสเต็มไปด้วย
อารมณ์ประมาณว่า
"อาจารย์เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ เวลาในการทำข้อสอบมี 3 ชั่วโมงนะครับ ไม่ใช่ 3 วัน"
555
เพราะการเรียนไม่รู้เรื่อง
เพราะการเรียนแล้วรู้สึกว่ามัน (โคตร) ยาก
และละเอียด ซับซ้อน
ข้าพเจ้าจึงได้ลั่นวาจาไว้
เพื่อนหลายๆ คนก็อาจได้ยิน
ว่า
ข้าพเจ้าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรกับ IP อีกแล้ว
นั่นไง
เขาว่ากันว่า
เกลียดยังไง ได้อย่างนั้น
ชัดเลย
Tilleke & Gibbins International Co., Ltd.
ชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ
เก้าอี้ตัวใดที่เป็นของเรา มันก็ต้องเป็นของเรา
ขอบคุณติลลิกี ที่ส่งข้าพเจ้ามาถึงจุดที่ยืนอยู่นี้
ขอบคุณพี่เอ พี่กั๊ด
หัวหน้าที่ใจดีที่สุดในสามโลก
วันนี้ สองปีแล้ว สำหรับการข้องเกี่ยวกับกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา
แม้จะสองปีแล้ว ข้าพเจ้าก็ยังรู้เพียงแค่เศษเสี้ยวอันน้อยนิดของเนื้อหาเหล่านี้
ที่ทำงานใหม่
ข้าพเจ้าตื่นเช้าไปทำงาน
ด้วยความรู้สึกอยากไปทำงาน
และยังไม่มีสักวัน ที่ไม่อยากไปทำงานจริงๆ
ยังไม่มีสักวัน ที่นาฬิกาปลุกได้สนูซเกิน 3 ครั้ง
(ถ้าเป็นแต่ก่อน สนูซเป็นร้อย ฮ่าๆๆ)
เนื้องานใหม่ๆ ถูก assign มาเรื่อยๆ
ท้าทาย และได้ใช้สมอง
ได้ใช้ความคิดและตรรกะทางกฎหมายอย่างจริงจัง
ข้าพเจ้ากลับห้องมาด้วยความรู้สึกเหนื่อย
เพราะใช้งานตัวเองทั้งวัน
เหนื่อย แต่ก็มันส์สุดๆ ไปเลย
(พี่ๆ ที่ทำงานแอบแซวบ่อยๆ ว่าข้าพเจ้านั่งเงียบไม่พูดไม่จา
หรือบางวัน ได้ยินเสียงข้าพเจ้าพูด ก็ตอนจะเลิกงานไปแล้วนู่น
แหะๆ ก็หนูกำลังถูกแฟ้มกองเบ้อเริ่มดูดซะถอนตัวไม่ขึ้นนี่นา)
ทำงานที่ตัวเองรักหรือชอบจริงๆ
มันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง
ข้าพเจ้าอาจกำลังเห่อ
กำลังตื่นเต้นกับการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ
ลองทำเคสใหม่ๆ
แต่นั่น ก็ดีแล้วนี่นา
ไว้เมื่อไหร่ที่เริ่มชาชิน
ค่อยว่ากันอีกที
วันนี้ดี ก็พอ
ได้อยู่กับมัน
ได้อยู่กับงานที่ข้าพเจ้ารู้สึกชอบ
และรู้สึกรัก
ใช่
วันนี้ข้าพเจ้ารัก IP
รักเครื่องหมายการค้า
และคาดว่าจะรักสิทธิบัตรในอีกไม่นาน
เอ๊ะ ว่ายังไงนะ
แพรวารัก IP
ฮะ
อีกทีซิ
แพรวารัก IP
โอ้ว ไหนลองกลับไปอ่านตอนบนของบันทึกซิ
ฮ่าๆ
เกลียดยังไง ได้อย่างนั้น สินะ
หรือแท้แล้ว
ข้าพเจ้าอาจต้องทบทวนดูอีกครั้งว่า
ข้าพเจ้าเกลียด IP หรือเกลียดความโง่งมและอ่อนแอของตัวเอง
ป.ล.
1 เดือน ณ ที่ใหม่ ผ่านไปไวเหมือนโกหก
เวลาที่เรามีความสุข เวลามันผ่านไปเร็ว จริงๆ ด้วย
ป.ป.ล.
จะรอดไหมเนี่ย เวลาไม่เคยพอเอาเสียเลยสำหรับภารกิจเพิ่มเติมอันสำคัญ
- อ่านหนังสือสอบ เนติฯ ขานี้..แพ่งหฤโหด (ยังไม่ได้เริ่ม)
- ยื่นอุทธรณ์ 1 คดี (ยังไม่ได้ร่าง)
- ฟ้องแรงงาน 1 คดี (just Done)
- upgrade ภาษาอังกฤษอันง่อยเปลี้ยของตัวเอง especially listening and speaking (ดู the Bigbang theory ตอนขึ้นรถเมล์ และฟัง best speech in the world ใน youtube)
- plan เรียน ป.โท (ต้องเอาจริงเสียที แม่รออยู่)
- อ่านหนังสือที่อยากอ่าน ซึ่งวางล่อตาล่อใจอยู่เต็มห้องตัวเอง (อันนี้กิเลสล้วนๆ ฮ่าๆๆ) และอัพเดทหนังสือตามภารกิจ One by One...Three Hundreds
- ถ่ายรูปรอส่งประกวด Young Thai (ตามการกระตุ้นแล้วกระตุ้นอีกของคนรัก ต้องรีบทำก่อนอายุเกิน เอิ้กๆ)
- เขียนเรื่องสั้น (ที่คิดไว้จนความคิดจะปลิวไปกับสายลมเสียหมดแล้ว)
- ท่องเที่ยวและใช้เวลากับครอบครัวและคนรัก (ข้อนี้สำคัญที่สุด)
บางอย่างอาจสำคัญสำหรับบางคน แต่ไร้สาระสำหรับอีกคน
เอาเถอะ อย่างไรเสีย
เราก็ยังไม่จำต้องให้ความสำคัญกับเรื่องไร้สาระของคนอื่นเช่นกันนี่นา
ด้วยรัก
แพรวา มั่นพลศรี
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
สู้ ๆ นะแกะ
ตอบลบค๊าบ สู้อยู่แล้ว ^^
ตอบลบ