เล่มนี้ เป็นของหมอเจ้าของคลินิกแห่งหนึ่งที่คนรักข้าพเจ้าทำงานอยู่
หลังจากคนรักอ่านจบ
ข้าพเจ้าก็อ่านด้วย
เป็นเรื่องการร้องเรียนทันตแพทย์
ต่อทันตแพทยสภาโดยเฉพาะ
นัยว่าผู้เขียน ประสงค์จะมอบเป็นวิทยาทานแด่รุ่นน้องร่วมวิชาชีพ
ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง
เพราะผู้บริโภคหรือคนไข้สมัยนี้
เขาระวังตัวกันแจ
และรู้เท่าทันสิทธิที่ตนพึงมี
ไม่ได้บูชาหมอเป็นพระเจ้ากันอีกต่อไป
เมื่อฉันจ่ายเงิน ฉันย่อมต้องได้รับบริการที่ดี สมราคาแสนแพง
แม้มิได้เป็นทันตแพทย์
ข้าพเจ้าก็เห็นว่า เป็นการจำเป็นที่จะต้องรู้เท่าทัน
ทั้งฝ่ายหมอ และคนไข้
สมัยนี้
ไม่ต้องเป็นนายแพทย์ หรือแพทย์หญิง
ไม่สิ ทันตแพทย์ หรือทันตแพทย์หญิงต่างหาก
ก็หัวหมอกันได้ทั้งนั้น
และเมื่อข้าพเจ้าก็เป็นคนไข้คนหนึ่ง
ย่อมสมควรที่จะรู้ไว้ เพื่อปกป้องตัวเอง
อีกทั้ง เมื่อคนรักเป็นทันตแพทย์
ก็สมควรที่จะต้องรู้ไว้
เผื่อภายภาคหน้า
จะต้องปกป้องเขา
แต่ก็อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเลย
เล่มนี้
ดีนะ
เล่าสู่กันฟังได้อย่างออกรสออกชาติ
เอาเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
มาวิเคราะห์กันว่า
การกระทำของหมอ
ถูกหรือไม่ถูก อย่างไร และจะต้องได้รับโทษเยี่ยงไร
แม้บางเรื่อง ออกจะขัดใจไปบ้าง
มันไม่น่าจะออกมาเป็นแบบนี้นะ
หรือบางเคส
ที่ทันตแพทย์มีพฤติกรรมส่อสันดานโลภโมโทสัน
หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
กลับได้รับบทลงโทษเพียงแค่ตักเตือน
หลายเรื่องสอนให้รู้ว่า
ในฐานะคนไข้
ก่อนไปหาหมอฟัน
ก็ต้องรู้ไว้เบื้องต้นด้วยว่า
อาการที่เราเป็น คืออะไร
ปวด... เออ รู้แล้วว่าปวด
มันปวดยังไง ปวดเหงือก ปวดฟัน เสียวฟัน ปวดเมื่อยๆ
หรือยังไง
ก็เตรียมคำอธิบายที่คิดว่าใกล้เคียงกับอาการของตัวเองมากที่สุด
เอาไว้บอกหมอ
เป็นที่ซี่ไหน เหงือกตรงไหน เอาให้ชัด
และถ้าเป็นไปได้
ก็หาข้อมูล หนังสือ อินเตอร์เน็ท
อุตส่าห์เกิดมามีชีวิตอยู่ในยุคข้อมูลข่าวสาร
ก็เลือกเสพเลือกหาสาระความรู้ที่จะเป็นประโยชน์แก่ตัวเสียหน่อย
สอบถามคนรอบข้างก็ได้
เผื่อใครสักคนมีประสบการณ์ เคยเป็นมาแล้ว
จะได้พอรู้ว่า หมออาจจะทำอะไรกับเราได้บ้าง
ไม่ใช่เกิดปวดๆ ขึ้นมา ก็ดุ่มๆ ไปอ้าปากฝากชีวิตไว้กับเขา
คนเรา ไม่ใช่พ่อแม่ ญาติพี่น้อง
เขาจะใส่ใจช่องปากของเราสักเท่าใดเชียว
หมอฟันก็คนธรรมดานี่แหละ
มีดี มีเลว มีประณีต มีชุ่ย ตามประสา
แต่ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า
ข้าพเจ้ายุยงให้เชื่อข้อมูลที่หาได้ หรือฟังจากประสบการณ์คนอื่น
แล้วคิดว่าจะเอามาประยุกต์กับตัวเองเสียหมด
คนบางคน เตรียมพร้อมไปดี
และเย่อหยิ่งกับข้อมูลมากเกินไป
ก็เถียงหมอคอเป็นเอ็น
ห่วงแต่รักษาสิทธิ
จนไม่ฟังหมอเจ้าของเคสตัวเอง
อันนี้ก็เกินไป
เอาให้พอดีๆ เอาให้สมเหตุสมผล
จากเล่มนี้ น่าตลกอยู่หลายเคส
บางเคส ปวดซี่หนึ่ง
ไปนอนอ้าปากให้เขาถอนอีกซี่หนึ่งเฉย
แล้วทีนี้ จะใส่กลับก็ลำบาก สิ้นเปลืองเงินทองและเวลาโดยใช่เหตุ
บางเคส หมอคิดว่าจะงาบคนไข้ได้ง่ายๆ
คิดว่าคนไข้ซึ่งมีอาชีพรับจ้างธรรมดาๆ
หน้าตาซอมซ่อ
จะไม่รู้เรื่องรู้ราวเกี่ยวกับเครื่องมืออันซับซ้อนของคลินิกทันตกรรม
ที่ไหนได้
คนไข้มองปราดเดียว
วิ่งไปฟ้องทันตแพทยสภาซะ
เฮ้ย นี่มันไม่ใช่เครื่องมือที่ระบุไว้ในใบปลิวโฆษณานี่หว่า
(ชนิดที่ระบุในโฆษณาเป็นเครื่องมืออีกระดับ ที่คิดค่ารักษาพยาบาลแพงหูฉี่
แต่พอเข้าไปในยูนิตจริงๆ อ้าววว..มันคนละอย่างกันเลยนี่หว่า
ซึ่งถ้าใช้ไอ้เครื่องที่อยู่ในยูนิตนั้น ค่ารักษาจะเป็นอีกราคาหนึ่ง)
หมอหลอกแดร็กกรู!!!
หึๆ หมอจอมโลภก็งานงอกกันไป
เคสนี้เป็นตัวอย่างของคนที่ใส่ใจต่อสวัสดิภาพของช่องปากและเงินในกระเป๋าตัวเองอย่างดีเยี่ยม
เอาโล่ไปเลย
ข้าพเจ้าอยากให้สังคมมีคนเช่นนี้เยอะๆ
คนที่รอบคอบ ทันคน และมีวิจารณญาณ
อุทธาหรณ์จากหนังสือเล่มนี้
บอกไว้อย่างชัดเจนว่า
อย่าทำตัวเป็นคนโง่
เป็นผู้รอรับสิ่งที่คนนั้นคนนี้จะป้อนให้แต่เพียงถ่ายเดียว
ต้องช่วยตัวเองเสียบ้าง
รู้เท่าทัน และทำตัวฉลาดเสียบ้างในบางเวลา
จะได้ไม่เสียใจภายหลัง
เพราะพลาดพลั้งแล้วเรียกร้องอะไรไม่ได้นั่นแล
กระซิบบอกกันไว้ ในฐานะคนไข้
เท่านั้นเอง
ด้วยรัก
แพรวา มั่นพลศรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น