2 ส.ค. 2556

วันโชคดี


วันนี้ เพลียมาก เพราะเมื่อคืนนอนเกือบตีสาม

ตอนเช้าก็ตื่นหกโมงกว่าๆ 

ไปทำงานสายเป็นวันที่สองของเดือน

(ก็วันนี้มันเพิ่งวันที่สองเองนี่หว่า สรุปว่าแกไปสายทั้งสองวัน ฮ่าๆ)


ทำงาน ง่วงบ้าง อะไรบ้างตามประสา

เลิกงาน

ตอนแรกพี่อีกฝ่ายจะขอแลกเวร (ต้องอยู่ที่ทำงาน เฝ้าออฟฟิศถึงทุ่มนึง)

แต่ก็ยกเลิกไป

เลยได้ออกจากออฟฟิศเร็ว

ก็ออกตามปกตินั่นแหละ

ห้าโมงกว่าๆ

เดินฟังเพลงมาเรื่อยๆ

พอถึงป้ายรถเมล์

ฝนหยดลงมาโดนหน้าสองเม็ด

โชคดีที่ป้ายรถเมล์คนไม่เยอะ

แม้ไม่มีที่นั่ง แต่ก็ยืนหลบฝนได้สบาย ไม่ต้องเบียดกัน



ฝนเริ่มมาหนาเม็ดขึ้น

โชคดีที่วันนี้ ปอ 62 มาเร็ว

โชคดีที่คันนั้น คนไม่เยอะ

โชคดีที่มีที่นั่งว่างประมาณ 5-6 ที่

แต่มีคนขึ้นแค่ 3 คน

ข้าพเจ้าได้นั่ง



ขึ้นรถได้ปุ๊บ ฝนก็เทลงมาอย่างบ้าคลั่ง

โชคดีที่ได้ขึ้นรถแล้วเรียบร้อย



ง่วงมาก จึงสะลึมสะลือ

หลับๆ ตื่นๆ

เหมือนมองเห็นคุณตาท่านหนึ่งก้าวขึ้นรถมา

กำลังรวบกระเป๋า สะบัดหัวไล่ความง่วง กะจะเรียกคุณตามานั่ง

ชายคนหนึ่งก็ลุกขึ้น

เขากำลังจะลงพอดี

คุณตาได้นั่งแทนที่ชายคนนั้น

ข้าพเจ้ายิ้มนิดๆ

โชคดีที่วันนี้มีคนแก่ขึ้นรถไม่เยอะ

และมีที่ว่างที่อื่นสำหรับทุกคนพอดี

ไม่มีคนท้อง ไม่มีเด็กเล็ก หรือเด็กที่ตัวเล็กกว่าข้าพเจ้า



เพราะข้าพเจ้าเพลียเหลือเกิน



นั่งไปได้สักพัก เหมือนได้ยินเสียงเพลง

ที่ดังมาข้างนอก ไม่ได้ดังจากหูฟังของตัวเอง

เฮ้ย ฝันไปหรือประสาทหูเราผิดปกติป่าววะ

ปอ 62 มันไม่เปิดเพลงนิ

ลองเอาหูฟังออก

เพิ่งสังเกตว่าคนรอบตัวมีสีหน้าตื่นตระหนกกันพอสมควร

ชายที่นั่งข้างหลังข้าพเจ้า

เปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือ

เสียงดังมาก

แต่เพลงว่าดังแล้ว

เสียงเขาร้องคลอกับดนตรีนั้น ดังกว่า

เขาร้องเพลง สลับกับโวยวาย

โวยวายที่ฝนมันตกหนัก

โวยวายที่น้ำฝนมันซึมลงมาตรงที่เขานั่งพอดี

โวยวายที่เขาเปียก

เขาสบถ สลับกับร้องเพลง

หญิงสาว หญิงแก่ ท้ายรถ หน้ารถ ลอบมองเขาเป็นระยะ

คงเป็นห่วงสวัสดิภาพของตัวเอง



เขาอยู่ข้างหลังข้าพเจ้านั่นเอง

อืม เพลงที่เขาเปิดก็เพราะดีนะ

เป็นสตริงนี่แหละ แต่เก่าหน่อย

มีหลายเพลงที่ข้าพเจ้าชอบ



ที่นั่งข้างๆ ชายผู้นั้นว่าง

มีผู้โดยสารต้องยืนหลายคน

แต่ไม่มีใคร เดินมานั่งข้างชายผู้นี้

ทุกคนคงอยากให้พื้นที่ชายหนุ่มได้มีอิสระในการแสดงออก

โชคดีที่เขาไม่ได้ทำอันตรายใคร

โชคดีที่เขาเป็นเพียงชายหนุ่มที่รักในเสียงเพลงเท่านั้น



ความจริง ข้าพเจ้าไม่ได้เกรงกลัวหรือรังเกียจอะไรมนุษย์ที่มีลักษณะภายนอกเช่นนี้

ใกล้กว่านี้ ก็เคยมาแล้ว

คนเหมือนกัน

เขาอาจแตกต่าง หรือใครๆ อาจว่าเขาไม่สมประกอบ

แต่เอาเถอะ

แค่เขาไม่เหมือนใคร ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นอันตรายนี่นา

ไอ้คนสมประกอบนี่แหละ

ที่ฆ่าแกงกัน แทงข้างหลังกัน เชือดเฉือนกันอย่างเจ็บแสบ

และน่ากลัวกว่านี้เป็นหลายเท่า

โชคดีที่เขา (อาจ) เป็นคนไม่สมประกอบที่ไม่ทำร้ายใคร

โชคดีที่เขาไม่ได้เป็นคนเหี้ยมโหดในคราบคนสมประกอบ



ลงจากรถ ฝนใกล้หยุดตกพอดี

เจอป้าขายส้มตำหน้าเซเว่น

แหม่ กำลังนึกอยากกินพอดี

(เคยท้องร่วงไปครั้ง ไม่เข็ดๆ

เอาน่า คราวนั้นมันเป็นความกระแดะของข้าพเจ้าที่ไปลองกินปู

คราวนี้ก็อย่ากินปูสิ

นั่น แถกันสดๆ เพราะความอยากแท้ๆ ฮ่าๆ)



ฝนตกหนัก ป้าจึงเอาพลาสติกคลุมอุปกรณ์และวัตถุดิบทำมาหากินเอาไว้

ป้าคงเซ็ง

ข้าพเจ้าส่งสายตาพร้อมกระแสจิตอ่อนๆ เรียกป้าออกมาจากที่หลบฝน

ป้ายิ้ม ถามเสียงดังว่าเอาอะไร

"ตำซั่วปูปลาร้าค่ะ"

ป้าไม่ถามว่าเผ็ดไหม คงจำได้ เพราะเคยถามข้าพเจ้าไปหลายครั้งแล้ว

ข้าพเจ้าตอบป้าเหมือนเดิมทุกครั้ง

ระหว่างป้าตำ ข้าพเจ้าสำรวจบนรถเข็น

แล้วหยิบผัดหมี่มา 1 ห่อ

บอกป้าเอานี่ด้วย

ป้ามัดปากถุงส้มตำ หยิบถั่วฝักยาวให้ 1 กำ

เอาผัดหมี่ใส่ถุง รับเงิน

ทอนเงินเสร็จ

ป้าหยิบผัดหมี่ยัดใส่ถุงให้ข้าพเจ้าอีก 1 

ข้าพเจ้าพูดกลั้วยิ้ม 

"ไม่เป็นไรค่ะป้า เอาไว้ขายเถอะ"

ป้าทำหน้านิ่ง "เอาไปๆ เอาไปอีกถุง"

ข้าพเจ้าขอบคุณแล้วเดินจากมา




เลี้ยวตรงหัวมุม

วันนี้ฝนตกหนัก

ไม่รู้ลุง Homeless ไปหลบฝนอยู่ตรงไหน

ปกติลุงจะนั่งใต้ต้นไม้เล็กๆ ตรงหัวมุมนั้น

เอ้า นั่นลุงนี่นา

กำลังมะงุมมะงาหลาเก็บข้าวของ (เก่าๆ ที่เก็บมาจากกองขยะอีกที)

ข้าพเจ้าเรียกลุง

"ลุงๆ ผัดหมี่ค่ะ หนูแบ่งให้ถุงนึง"

ลุงยิ้มเหมือนเคย ขอบใจเหมือนเคย

แล้วข้าพเจ้าก็จากเดินจากมาด้วยรอยยิ้มเหมือนเคย

เหมือนเราจะรู้จักมักคุ้นกัน

แต่บทสนทนาระหว่างเราก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าที่พูดคุยกันในวันนี้หรอก

หรือบางที เดินสวนกัน ยังไม่ได้ทักกันเลยด้วยซ้ำ

แต่ลุงแกดูอารมณ์ดีนะ พูดจาน่ารักดีออก

หลายคนอาจกลัวแก

เพราะแกเป็น Homeless มอมแมม และหน้าตาท่าทางไม่ได้เปื้อนรอยยิ้มเท่าไหร่

เห็นใครเดินผ่านแก ก็ตีวงกว้างกันทุกราย



ข้าพเจ้าเปิดการสนทนากับลุงครั้งแรกเมื่อไหร่ก็จำไม่ได้

รู้แต่ว่า ก็สั้นๆ อย่างนี้แหละ

ถ้าไม่ชวนกินทุเรียน ก็เอายาคูลท์ให้แหละ

ความจริง ข้าพเจ้าจะให้อะไรๆ แกหลายอย่าง

แต่แกปฏิเสธนะ

จริงๆ ข้าพเจ้าพูดจริงๆ

แกไม่เอา

อันไหนที่เอาไปแล้วแกไม่ได้กิน แกก็ไม่เอา

แกไม่โลภ ไม่ใช่เอาๆ มาก่อน กินไม่กินค่อยว่ากันนะ

ดูแกดีใจที่มีคนคุยด้วย

และเกรงใจข้าพเจ้าอยู่ในที

ข้าพเจ้าเคยจะให้ข้าวโพดต้ม

แกบอก ไม่เป็นไรจ้า แล้วยีงฟันให้ดู ชี้ให้เห็นชัดๆ ด้วย

พร้อมอธิบายว่า ไม่มีฟันเคี้ยว

อ้าว ซะงั้นลุง

แกน่ารักเหมือนเด็กๆ 

รอยยิ้มขณะยีงฟัน กับคำอธิบายกลั้วเสียงหัวเราะนั้นดูจริงใจดีนะ



อ้อ นึกออกละ ครั้งแรกน่าจะเป็นยาคูลท์แหละ

เพราะทุเรียนเนี่ย

ข้าพเจ้าเอาไปให้ลุงหลังจากจะให้ข้าวโพดแล้วแกไม่เอา

ข้าพเจ้าถามแกว่า ลุงกินทุเรียนไหม

ทุเรียนนิ่ม ไม่ต้องเคี้ยวเยอะ น่าจะกินได้นะลุง

ลุงโบกไม้โบกมือ บอกไม่เป็นจ้า วันนี้มีของกินแล้ว

นั่น เอากะแกสิ เล่นตัวซะด้วย

หรือแกไม่ชอบกิน แกไม่ได้บอกไว้ ข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน



โชคดีที่วันนี้แกไม่ปฏิเสธผัดหมี่ของข้าพเจ้า

โชคดีที่วันนี้ ป้าขายส้มตำ ยัดผัดหมี่ใส่ถุงส้มตำของข้าพเจ้า

โชคดีที่ได้เจอลุง




ขึ้นมาบนห้อง

ไม่สิ ตั้งแต่ในลิฟต์

พี่ผู้ชายคนหนึ่ง กดลิฟต์ชั้น 22  พอเห็นข้าพเจ้ากดชั้น 13 ก็ถามว่า

"ชั้น 13 น้ำไหลดีไหม"

"อ๋อ ดีค่ะ ก็ไหลแรงดีนะคะ ไหลปกติดีค่ะ"

"หรอ ของพี่มันไม่ค่อยไหลเลย"

"สงสัยอยู่ชั้นสูงมั้งคะ พี่ติดต่อสำนักงานยังอ่ะคะ"

"บอกเค้าแล้วล่ะ เค้าว่าเดี๋ยวจะไปดูให้"

ถึงชั้น 13 พอดี เรายิ้มให้กัน



เดินออกจากลิฟต์ ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย

เลี้ยวเข้ามาตรงทางเดินไปห้อง

ก็เห็นว่าหน้าห้องในสุด

มีคน 3 คนกำลังยืนเถียงกัน

สองคนเป็นลูกบ้าน (เจ้าของห้อง)

อีกคนคือช่างประจำเรสซิเดนท์นี้

ลูกบ้านโวยวายว่า ผมจะอยู่ถ้ามีน้ำ

ถ้าไม่มีน้ำ ผมไม่อยู่ จะย้ายออก และต้องคืนเงินประกันให้ผมด้วย

เสียงเอะอะดังพอสมควร

ข้าพเจ้าได้ยินก็เริ่มใจคอไม่ดี

อ้าว นี่ชั้นตรูก็ไม่ไหลด้วยหรอฟระ

เปิดประตูห้องเข้ามาได้

วางของเสร็จสรรพ ก็เข้าห้องน้ำ

เปิดเช็คการไหลของน้ำทุกจุก ทุกก๊อก

อ้าว

ก็ไหลแรงดีนี่หว่า

กระโปรงเปียกเลย แม่ม -*-


โชคดีที่น้ำยังไหล

วันนี้เป็นวันโชคดี

เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี



แพรวา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น