เมื่อวาน เป็นวันคล้ายวันเกิด
หนึ่งในคนสำคัญ..ของชีวิตฉัน
พ่อ..
ฉันโทรไปสุขสันต์วันเกิดเฉกเช่นทุกปี
เพราะเราอยู่ไกลเกินกว่าจะพบหน้า
หรือเดินเข้าไปกอดได้
ด้วยหน้าที่และภาระต่างๆมากมาย
เราจึงแสดงความรักต่อกัน
ได้เพียงเท่านี้
ส่วนวันนี้
เป็นอีกหนึ่งวันคล้ายวันเกิด
คนสำคัญในชีวิตของฉันอีกหรือไม่
ฉันก็ยังงงๆ
ฉันไม่ได้งงว่าสำคัญหรือไม่สำคัญ
ฉันงงว่า..ยังสำคัญอยู่หรือเปล่า
ฉันเคยบอกกับเขาว่า
"บีมเป็นคนสำคัญของจ๊ะโอ๋แล้วนะ"
ประโยคนี้ ฉันก็ได้รับจากเขาเช่นกัน
แต่กลับกันระหว่างประธานและกรรม
เขาเคยบอกรักฉัน
ส่วนฉันยังไม่เคยบอกรักเขา
แต่ไม่ได้หมายความว่าเขารักฉันข้างเดียวหรอกนะ
เพราะความจริงแล้ว
ดูเหมือนว่า ฝ่ายที่ไม่ได้พูดออกมา
จะมีความรุสึกที่อัดแน่นเสียยิ่งกว่าฝ่ายที่พูด
คนที่ฟัง..จำได้แม่นยำ กว่าคนที่เปล่งเสียง
เราห่างกันไป ด้วยเหตุอันใด
ฉันก็ยังงงๆอีกนั่นล่ะ
คงเพราะ เราเพียงแค้ได้โคจรมาพบกัน..
ชั่วคราว
หมดเวลา
ก็ต้องแยกย้ายกันไป
จะได้เจอกันอีกไหม
ก็แล้วแต่ว่า เส้นทางวงโคจรของเรา
จะมีสักเศษเสี้ยวทิศทางที่จะทับหรือบรรจบกันหรือไม่
แล้วแต่โชคชะตาก็แล้วกัน
วันนี้เป็นวันเกิดเขา
เขาคนนั้น ที่ฉันยังคง..นึกถึง
ความจริง เราไม่สามารถลืมใครที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
แม้จะอยากลืมมากเพียงใดก็ตาม
เขายังคงอยู่..ในร่องแห่งความทรงจำ
เพื่อนหลายคนพยายามเตือนสติฉัน
ในเวลานั้นว่า
"คิดดูให้ดี ว่าชอบแบบไหน"
หลายคนเกรงว่าความรู้สึกที่มากมายของฉัน
จะเป็นเพียงแค่อารมณ์คล้ายๆกับการบ้าดารา
ฉันคิดถึงเขาตลอดเวลา
หน้าแดงทุกครั้งที่เราพบกันในมหาวิทยาลัย
ยิ้มจนแก้มปริหลังการสนทนาทักทายของเราจบลง
เพื่อนบอกว่า "อาการหนัก"
ฉันพบเขาอย่างใกล้ชิดครั้งแรก
ในงานรับใบประกาศเกียรติคุณและพิธีมอบเข็มคณะกรรมการสโมสรนักศึกษา
ฉันรับใบประกาศ
เขารับใบประกาศ และเข็มประธานคณะ
เขาคือประธานคณะบัญชี ในปีการศึกษาถัดไป
เป็นรุ่นน้องฉันหนึ่งปี
ที่นั่งของฉันกับเขา ห่างกัน 2 ที่
ฉันนั่งเงียบ อ่านหนังสือ ตามประสา
เขาชะโงกหน้า ผ่านเพื่อนร่วมคณะ
พูดว่า
"แพรวา สวัสดี"
ฉันยิ้มแบบงงๆ (รู้ชื่อฉันได้ไง)
และรอยยิ้มเกือบกว้างขึ้นเมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของเสียง
ดีที่สงบจิตสงบใจได้ทัน
ช่วงกลางวัน มีงานเลี้ยงขอบคุณนักศึกษา
ฉันยืนในกลุ่มเพื่อนและรุ่นพี่
เขาเดินมาประชิดและทักทายหลายครั้ง
อารมณ์คล้ายๆในละคร หน้าแทบจะชนกันก็ไม่ปาน
ถามว่าฉันอยากกินอะไรไหม จะไปตักให้
ฉันหน้าแดงทุกครั้ง
เพื่อนก็เริ่มแซว
ฉันก็เริ่มอาย
มีหลายเสียงจากคนที่เคยเห็นหน้าค่าตาเขา
บอกว่าเป็นตุ๊ด
ซึ่งจริงๆ ท่าทางการแต่งตัวที่ค่อนข้างเนี้ยบ
ก็ทำให้ฉันเชื่อในสิ่งเหล่านั้นได้ไม่ยาก
หากแต่ ลึกๆแล้ว ฉันรุสึกว่า ไม่ใช่หรอก
แล้วก็..เป็นอย่างที่คิดจริงๆ
หลายข้อมูล จากหลายแหล่งข่าว
ยืนยันว่า แมนชัวร์
แล้วในวันที่ 13 กุมภา ฉันก็มั่นใจที่สุด
เขาโทมาชวนฉันไปเดินซื้อของ
อ้างว่า ไปเป็นเพื่อนน้อง
เดี๋ยวเขาจะขับรถกลับมาส่ง
ฉันไปเจอเขาที่ MRT ศูนย์สิริกิติ์
เราขึ้นไปลงที่สถานีลาดพร้าว
แม่เขามารับ
พาไปบ้านเขา
บ้านเขา อยู่ลาดพร้าว 71
บ้านเดี่ยว กี่ชั้นไม่แน่ใจ
มีพ่อ แม่ บีม ไบร์ท และทอร์ช
ไบร์ทเปงน้องชายของบีม
ทอร์ชเปงหมา พันธุ์ไซบีเรียน
มันเข้ามาเล่นกับฉัน
แม่กับไบร์ทแซวทอร์ชว่าเห็นสาวๆไม่ได้เชียว
ครอบครัวอบอุ่น จริงๆ
พ่อนั่งไกวเปลเด็กคนหนึ่ง ชื่อบาส
ลูกของเพื่อนบ้านที่ยากจน หาเช้ากินค่ำ
ด้วยความสงสาร จึงเอามาเลี้ยงให้
ในบ้านเต็มไปด้วยเหรียญรางวัล ถ้วยรางวัล และโล่รางวัล
ของบีมนิดหน่อย ของไบร์ทเปงส่วนมาก
พี่น้องนักกีฬา
ปิงปอง
บีมเปงนักกีฬาปิงปองของมหาวิทยาลัย
เรียนฟรี เหมือนฉัน
ต่างกันแค่ ฉันมีเงินเดือน เขามีเบี้ยเลี้ยง
บีมบอกแม่ว่า
"พี่แพรวาเค้าเทพมากเลยนะแม่ เรียนนิติ ที่หนึ่งคณะด้วย"
แม่บีมบอกว่า ดีแล้ว นิติกับบัญชี ไปด้วยกันได้
ฉันได้แต่ยิ้ม ไม่พูดอะไร
วันนั้นฉันใส่กางเกงขาสั้น
แม่บีมชมว่า ขาฉันขาว เนียนมาก
แอบเขิน
เรา(ฉัน บีม ไบร์ท) ออกไปซื้อของ
ไบร์ทจะซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์ให้สาว
มีบีมไปช่วยเลือก ส่วนฉัน ไปทำอะไร ก็ไม่ค่อยจะแน่ใจ
เรากินราเมง แล้วสองพี่น้องก็อยากดูหนัง
สุดท้ายเราก็ดู Green Hornest
ฉันนั่งตรงกลาง ป้อนป๊อบคอร์นทั้งพี่ทั้งน้อง
แกล้งเอาเข้าจมูกบ้าง ป้อนคำใหญ่ๆบ้าง ป้อนติดกันหลายๆคำบ้าง
เราหัวเราะ เพราะหนังตลก
ฉันมีความสุข เพราะหนังและสองพี่น้อง
บีมขับรถมาส่งฉันที่หอ ฉันนั่งข้างหลัง ไบร์ทนั่งหน้าคู่บีม
พอถึงหน้าหอ
เขายื่นดอกกุหลาบสีขาวให้ฉัน
บอกว่า
"สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับ"
ไบร์ทบอกว่า เรา(สองพี่น้อง)ไม่เคยฉลองวันวาเลนไทน์อย่างนี้เลย
ฉันเก็บดอกกุหลายนั้นไว้
คิดหาวิธีว่าทำยังไง ฝุ่นจะไม่เกาะ
ตอนแรก เอาเทปใสมาแปะไว้ที่ผนังห้อง ห้อยหัวลง
เพื่อไม่ให้ฝุ่นเข้า
สักพัก แปะไม่อยู่ กุหลาบหล่นลงมา หัวทิ่มพื้น
ฉันกรี๊ด เพื่อนตกใจ
ฉันจึงย้ายมันไปไว้ในตู้เสื้อผ้า
เพื่อนบอกว่า "บ้าไปแล้ว"
ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบ
เพื่อนๆมาซ่องสุมหมกตัวอ่านหนังสือที่ห้องฉัน
เยอะแยะ
อ่านไป ถามไป ติวไป
ฉันตั้งเสียงเรียกเข้าสำหรับบีมเป็นเพลง
รักนะคะ คนดีของฉัน ฉันรอโทรศัพท์
แต่นานๆทีเขาจะโทรมา
เพราะเขาก็อ่านหนังสือ
ต้องอ่านเยอะเสียด้วย
สอบโหดมาก ติดกัน 5 วันไม่เว้นวันหยุดใดๆ
ครั้งหนึ่ง เพื่อนแกล้ง
เปิดเสียงริงโทน
รักนะคะ คนของฉัน
ฉันตกใจระคนดีใจ คว้าโทรศัพท์
แล้วเพื่อนก็เฉลยว่า
"กูอำมึงเล่น บีมไม่ได้โทรมา"
รู้ตัวอีกที ฉันหัวเราะไป น้ำตาไหลไป
เพื่อนตกใจ กูขอโทษ
ฉันก็ไม่รู้ว่าน้ำตาฉันไหล ด้วยเหตุอันใด
รู้แค่ว่า ช่วงเวลานั้น ฉันคิดถึงเขามาก
แทบจะพูดได้ว่า ตั้งแต่เกิดมา มีแฟน หรือแอบชอบผู้ชาย
ฉันยังไม่เคยคิดถึง และรู้สึกกับใครมากมายและรวดเร็วเท่าบีม
เพื่อนๆลงความเห็นว่า
คงเพราะฉันเป็นพวกสเป็กสูง
และบีมคือผู้ชายคนที่สองในชีวิตที่เฉียดใกล้คอนเซ็ปต์ฉันมากที่สุด
คนแรกคืออาจารย์โจ้ หล่อ รวย ได้ทุนไปเรียนเมืองนอก พูดได้หลายภาษา
ทำงานเอาจริงเอาจัง สุภาพบุรุษ ..แต่ไม่ชอบผู้หญิง เฮ้อ
บีม..
หล่อไหม ก็ขาว จมูกโด่ง ถ้าหุ่นดี ก็อาจจะเป็นดารากับเขาได้เลยทีเดียว
รวยไหม บ้านเดี่ยว ลาดพร้าว 71 ไม่มั้ง
เก่ง เอาเรื่องอะไรล่ะ นักกีฬามหาวิทยาลัย ประธานคณะ
เกรดเป็นที่หนึ่งตั้งแต่ปีหนึ่งจวบจนปัจจุบัน
ดี ฉันก็ยังไม่เห็นมุมที่บอกว่าเขาไม่ดีเลย(ในเวลานั้น)
ฉันให้ใจเขาไปง่ายๆ
ผิดกับใครหลายๆคน ที่แม้ว่าจะดีกับฉันแค่ไหน
นานเท่าไร ฉันก็ไม่อาจ...รู้สึกอะไรเทือกนั้นได้เลยจริงๆ
ฉันว่า มันคงไม่มีง่ายหรือไม่ง่ายหรอก
มันจะมีก็แค่..ใช่หรือไม่ใช่
เขาทำให้ฉันหัวเราะได้ในทุกครั้งที่พูดคุย
อารมณ์ขันของเขา เหลือกิน
สนุกสนาน เฮฮา
แต่อย่าให้ได้ทำหน้าจริงจังเชียว
และอย่าให้เผลอด้วย
เพราะปากเขาจะห้อย 555
ฉันกับเพื่อนสาวอีกคน ธัญพร
เคยแซวเขาทั้งวันเรื่องความห้อยของปาก
บีมเอาไปฟ้องไบร์ท บอว่า พี่แพรวาแกล้ง
ไบร์ทตอบกลับมาว่า แล้วไปทำอิท่าไหน
ให้มันห้อยได้ขนาดเขาล้ออย่างนั้นเล่า
555
ความจริง บีมกับไบร์ทหน้าเหมือนกันมาก
ต่างแค่ บีมหน้าใสกว่า คมเข้มกว่า เพราะโตกว่า ก็เท่านั้น
บีมเป็นคนจริงจัง
ฉันก็รู้ว่า แม้ภายนอกเขาจะเฮฮาและทำท่าไร้สาระแค่ไหน
แต่ในใจและความคิดเขา ไม่เคยว่างเลย
ก็คงตามประสาคนหนุ่ม
ไฟแรง แอคทีฟ ...
ฉันจะไม่หลงเขาได้ยังไงกัน
เราไม่ได้พบกันนานมากแล้ว
ฉันอาจจะได้พบเขา
ถ้าตัดสินใจเข้าพิธีรับปริญญา
เขาต้องไปถือธงคณะ ในพิธีนั้น
ก็รอดูกันต่อไป วงโคจร อาจไม่เฉียดเข้าใกล้กันอีกเลย
หรืออาจจะเฉียด ก็ต้องใช้เวลาอีกนาน
เวลานี้ เขาเป็นเพียง ความทรงจำ
ในฐานะ หนึ่งในเส้นตัดเล็กๆบนวงโคจรของฉัน
สุขสันต์วันเกิด
รักศักดิ์ ตันวิริยะเวชกุล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น