หลายคืนมาแล้ว ที่กิจวัตรประจำวันในชีวิต
มีอีกหนึ่งกิจกรรมเพิ่มเข้ามา
ช่วงเวลาสองทุ่มยี่สิบห้าและอีกหนึ่งชั่วโมงนับจากนั้น
เป็นเวลาที่ฉัน จำเป็นจริงๆ
ที่จะต้องอยู่ห้อง ทำตัวให้ว่างและดูทีวี
คนเถื่อน เป็นชื่อละคร
เรื่องใหม่ของค่ายเอ็กซ์แซ็กและซีนเนริโอ
ละครแนวบู๊ ผสมผสานกับความกุ๊กกิ๊กคอมเมดี้ของตัวเอก
ความจริงก็คล้ายๆกับละครคมแฝกที่เคยโด่งดังของช่องหลากสี
ที่พล็อตเรื่องเน้นไปที่การส่งเสริมและพิทักษ์รักษาความยุติธรรม
และกวาดล้างการกระทำอันผิดกฎหมาย
แต่จะไม่ขอนำไปเปรียบเทียบกันจะดีกว่า
ด้วยส่วนตัวแล้ว ไม่ได้ดูคมแฝกอย่างถึงพริกถึงขิง
หรือติดตามทุกฉากทุกตอนเช่นเรื่องคนเถื่อนนี้
ด้วยเหตุที่ ตัวเอก ไม่หล่อ 555
คนเถื่อน มีนักแสดงนำฝ่ายชายที่เป็นตัวเอกคือ กาย รัชชานนท์
และอีกตัวละครที่คล้ายๆจะเอก คือ ต้า นาวิน
ส่วนฝ่ายหญิงก็เป็นเจ้าเก่าหน้าเดิมของค่ายนี้
วิว วรรณรท
และ แกรนด์ The star
อันที่จริง ละครเรื่องนี้ฉายมาได้หลายตอนแล้ว แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มเรื่อง
ฉันดูครั้งแรกก็เมื่อเล่นไปได้เป็นตอนที่สามแล้ว
อะไรบางอย่าง ทำให้ฉันต้องกลับไปนั่งดูตอนแรกและตอนที่สองในยูทูป
และติดตามมาทุกตอนต่อจากนั้น
คนรักของฉันก็แอบบ่น
“หึยยยย…ติดละคร”
เมื่อคืนเรานั่งดูละครเรื่องนี้ด้วยกัน
ก็เป็นไปตามปกติของเขา
เห็นอะไรขัดหูหรือสะดุดตาก็จะพูดแทรกขึ้นมา
ทำไมอย่างนั้น ทำไมอย่างนี้
ฉันเองก็เป็น แต่เป็นน้อยกว่าเขาหลายเท่าตัว
เพราะถ้ามัวแต่คิดหาคำตอบว่าทำไม กับคำถามเหล่านั้น
ก็เกรงว่า จะไม่ทันได้ดูตอนปัจจุบันที่กำลังดำเนินเรื่องอย่างลึกซึ้ง
ก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่า ละคร
มันก็ต้องมีบางสิ่งที่แสดงออกถึงการเป็นละคร
เช่น ผู้ร้ายต้องร้อง”เฮ้ย” ก่อนจู่โจม
เพื่อให้ฝ่ายที่กำลังจะถูกเล่นงานหันกลับมารับมือได้ตามที่ซ้อมกันมา
หรือตัวโกงที่กำลังจะลั่นไกปืนใส่ตัวเอก
ก็จะต้องค่อยๆเคลื่อนนิ้วไปที่ไก
พอนิ้วไปแตะที่ไก กำลังจะลงน้ำหนัก
ก็จะต้องมีบางสิ่งบางอย่างมาขัดขวาง
เพื่อช่วยให้ตัวเอกปลอดภัย
เพราะตัวเอกจะตายไม่ได้ นอกจากเป็นฉากจบของละครแล้วเท่านั้น
ฉันชอบละครเรื่องนี้
ทั้งๆที่ไม่ได้ดูละครมาก็นานมากแล้ว
สาเหตุแรกเลยที่ดู ก็เพราะเบื่อกับการรีดผ้ากองโตแบบเงียบๆและร้อนๆ
ก็เลยเปิดทีวี พอดีไปเจอคนหล่อๆ กับเพลงประกอบละครที่ร้องโดยดิว The star
ขอดูแก้เซ็งหน่อยละกัน
แล้วหลังจากนั้น ก็ดูทุกวัน ที่มีการออกอากาศ
เนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นเช่นไร ฉันยังไม่รู้
และก็คาดว่าจะไม่แสวงหามารู้ จนกว่าจะดูถึงตอนจบ
ขอดูไปเรื่อยๆ อินไปเรื่อยๆดีกว่า
โดยส่วนตัวแล้ว ชอบกาย รัชชานนท์
เพราะหล่อ จมูกโด่งได้รูป เซ็กซี่
ถ้าไม่ติดว่าฉันมีคนรักแล้ว บางทีอาจใจละลาย(มากกว่านี้)
ไม่แน่ใจว่าร่างกายของเขา กำยำมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
หรือเพิ่งจะได้รับการฟิตมาเพื่อละครเรื่องนี้
เพราะฉันก็ไม่ได้ติดตามผลงานใดๆของเขา นอกจาก ภาพยนตร์เรื่องเการักเกาหลี
เขาเล่นเป็นสองคน พี่น้องฝาแฝด
แฝดผู้น้องตายตั้งแต่ตอนแรกของเรื่อง เพราะฉะนั้น
ตัวละครที่กายต้องสวมบทบาทซะส่วนใหญ่ก็มีเพียงการเป็นแฝดผู้พี่
ที่จะต้องแสดงความเจ็บปวดทางสายตาเมื่อหวนระลึกถึงแฝดผู้น้อง
เพราะตามเนื้อเรื่อง ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้มาทำคดี
สืบหาตัวคนร้ายที่ฆ่าน้องชายของเขา
ยกเว้นหัวหน้า และเพื่อนร่วมงานในหน่วยสืบสวนคดีพิเศษ
บางฉากก็แสดงได้ดี แต่บางฉาก ก็ขัดใจคนดู (บ้าง)
การแสดงอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อนางเอก ยังสื่อว่า ตอนนี้
พระเอกมีใจให้นางเอก น้อยกว่านางเอกมีใจให้พระเอก
บางที เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ตัวละครทั้งสอง ไม่ควรลงเอยกันง่ายเกินไป
และตามเนื้อเรื่อง ระหว่างพระเอกที่เพิ่งสูญเสียน้องชาย
และกำลังอยู่ในระหว่างการทำคดี ในหัวมีแต่เรื่องฆาตกร
กับนางเอกที่สดใส อยู่ในวัยแรกรุ่น ที่ได้พบกับชายผู้หล่อเหลา คมเข้ม
คงไม่แปลกอะไรที่ผู้เขียนบท จะกำหนดให้นางเอกเป็นฝ่ายตกหลุมรักก่อน
สำหรับฉากบู๊แอคชั่นของกาย ถือว่าออกมาสวยงาม
และมีการเลือกมุมกล้องที่ทำให้ตัวละครนี้ ดูมีเสน่ห์และได้คะแนนเกือบเต็มในเรื่องความเท่และหล่อ
ส่วนของกาย ฉันว่า เขาทำดีแล้ว(แอบเชียร์) 555
มาถึงตัวเอกฝ่ายชายอีกคนคือ ต้า นาวิน เยาวพลกุล คนนี้ขอเก็บไว้พูดถึงในท้ายสุดก็แล้วกัน
ข้ามไปที่นางเอก วิว วรรณรท
เมื่อดูจากระแสตอบรับ รู้สึกว่าเรื่องนี้ เธอมาแรงทีเดียว
ด้วยบทที่ออกแก่นๆ สดใส และน่ารักตามประสาสาวแรกรุ่นที่ไม่มีพิษมีภัยในจิตใจ
จะมีก็เพียงท่าทางการวางตัวที่แสดงออกชัดเจนว่า เธอไม่มีทางยอมให้ใครรังแกได้ง่ายๆ
และนั่นก็คือจุดที่ทำให้เธอได้พบและมีปฏิสัมพันธ์กับพระเอก
วิว เล่นเรื่องนี้ แบบไม่ห่วงสวย
ทั้งการพูดจา กิริยาท่าทาง การแสดงออกทางอารมณ์
ทำให้เชื่อได้ว่าตัวละครตัวนี้ ไม่ใช่ผู้หญิงที่เรื่องความสวยความงามมาเป็นอันดับหนึ่ง
หรืออาจเพราะมีตัวละครอีกตัวที่เปรียบเทียบกันอยู่
และเป็นความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องของบุคลิกและบทบาทที่แสดงออกมา
คือแอริณ ยุกตะทัต
ใครที่รู้จักเธอ ก็คงพอจะเดาออกว่า บทบาทที่เธอจะได้รับสำหรับการแสดงละครในค่ายนี้
จะเป็นไปในรูปแบบใด
หญิงสาวผู้เดินบิดสะโพก แต่งตัวล่อเสือล่อบุรุษ และเล่นหูเล่นตากับพระเอกทันทีที่พบหน้า
นั่นล่ะ บานชื่น รับบทโดย แอริณ
ไม่ต้องพูดถึงฝีมือทางการแสดงหรือการตีบทของเธอว่าแตกหรือไม่
เรื่องนี้แอริณไม่เคยพลาด
นอกจากนี้ยังมีนักแสดงรุ่นใหญ่ รุ่นกลางและรุ่นเกือบกลางอีกหลายคน
ต้องขอบอกว่า สมกับที่เป็นละครซึ่งผลิตโดยค่ายนี้
เพราะนักแสดง คับคั่งจริงๆ เหมือนกับหลายเรื่องที่ผ่านมา
และก็คงไม่ต้องเดาว่าแต่ละคน ฝีไม้ลายมือการแสดงเป็นเช่นไร
เพราะทุกคนต่างก็มีประสบการณ์ที่มากขึ้นในทุกๆวัน และพัฒนาไปเรื่อยๆในทุกๆตอน
จะมีที่เป็นมือใหม่ก็เห็นเพียง นาวิน คนที่ฉันข้ามไปเท่านั้น
อันที่จริง จะว่าใหม่ก็ไม่ใช่ หรือจะว่าเก่าก็ไม่เชิง
เข้าวงการมานานก็จริง แต่ผลงานไม่ค่อยเป็นที่ฮือฮา
และไม่ได้มีออกมาอย่างต่อเนื่อง
ผู้คนรู้จักเขาในฐานะดาราที่มีดีกรีเป็นด็อกเตอร์ และเป็นหวานใจของพลอย เฌอมาลย์เสียมากกว่า
แต่ถ้าพูดถึงหน้าตาและรูปลักษณ์ภายนอก การจะเป็นตัวเอก ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดอะไร
จะเสียก็ตรงที่ลวดลายการแสดงและการเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครนี่แหละ
เขาเป็นคนเดียวที่ดูแล้วขัดอารมณ์จริงๆ
ถ้าประเทศเรามีรางวัลสากกะเบือทองคำ เขาคงเป็นอีกหนึ่งตัวเก็งที่จะได้รับ
แม้ว่าบทบาทของเขา เรียกได้ว่า แทบจะไม่ต้องใช้ความสามารถในการสื่อสารทางอารมณ์แต่อย่างใด
มีเพียงบททะเล้นที่ต้องไล่ตามสอบปากคำจากสาวสวย
และมองเธอด้วยแววตาหยาดเยิ้มในบางครั้ง
เรื่องการใช้สายตามองหญิงสาว ก็พอรับได้
แต่สำหรับการพูดและสื่อสารด้วยวาจา เขาควรจะทำให้คนดูรู้สึกว่าเป็นการท่องน้อยกว่านี้
บางฉาก ฉันยังแอบนึกว่ามีคนถือป้ายเขียนบทไว้ให้เขาอ่าน
อารมณ์คล้ายผู้ประกาศข่าว
ที่อ่านตัวหนังสือบนหน้าจอกล้องเพื่อให้ดูว่ากำลังสบตาผู้ชมทางบ้านอยู่
สำหรับการถ่ายทอดบทบาทของตัวละคร เขาคือนักแสดงที่เป็นจุดบอดที่สุดของละครเรื่องนี้
พูดกันเรื่องนักแสดงไปแล้ว จะไม่พูดถึงบทละคร ก็ดูจะขาดอะไรไป
หรืออันที่จริงต้องพูดถึงบทละครก่อนเสียด้วยซ้ำ เพื่อให้เกียรติแก่ผู้จัดและผู้สร้างสรรค์งานอันแท้จริง
แต่ก็นะ จะย้อนกลับขึ้นไปแก้ ก็ขี้เกียจเสียแล้ว หึหึ
ละครเรื่องนิ้ เปิดเรื่องมาและด้วยธีมของละครแล้ว ใครๆก็รู้ว่าเป็นแนวที่เน้นฉากการต่อสู้
จะเสริมความผ่อนคลายทางอารมณ์ก็ตรงบทกุ๊กกิ๊กของคู่พระนาง
แต่ถึงกระนั้น จุดเล็กๆที่อาจเป็นปมของเรื่อง ก็ไม่ควรถูกมองข้ามไป หรือพูดง่ายๆก็คือ
อะไรที่ไม่ต้องการให้ผู้ชมเก็บไปคิดเป็นปม ก็ควรเก็บและกวาดให้สะอาด
การเหลือร่องรอยที่ดูแล้วขัดกับความรู้สึกมากจนเกินไป
จะมีผลต่อเสน่ห์ของตัวละคร และเนื้อเรื่อง
หรือเพราะฉันอ่านหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนเยอะไป
และถ้าเป็นเช่นนั้น คนที่จะสังเกตเห็นจุดเหล่านี้ ก็คงมีไม่น้อยทีเดียว
เพราะสมัยนี้ ผู้บริโภคมีไอเดียและความคิดในการเสพสื่อต่างๆกว้างขึ้นมาหน่อยแล้วนะ
การเขียนบทที่หละหลวมจะทำให้คนดูคิดในใจ(หรือบางรายพูดออกมา)ว่า ตัวละครนี้โง่จัง
ซึ่งก็คงไม่เป็นผลดีกับอรรถรสของละครและความชื่นชอบของผู้ชมที่มีต่อตัวละครนั้น
ยกตัวอย่างง่ายๆ
นุชกานดา ที่รับบทโดย แกรนด์ The star
เธอสวย ขาว และเย้ายวนใจ น่ารักและเป็นสาวสมัยใหม่
มีเสน่ห์มากเลยทีเดียว เพราะถือว่าค่อนข้าง Perfect สวย รวย เก่ง
แต่จากบทบาท ทำให้ตัวละครนี้ดูดร็อบลงไปกว่าที่ควรจะเป็น
เธอควรจะฉลาดและมีไหวพริบ แบบท่าทางที่เธอแสดงออก
เพราะถ้าบทของเธอเป็นหญิงสาวแสนซื่อ ก็คงไม่ขัดหูตัดตาสักเท่าไหร่นัก
เริ่มตั้งแต่การไม่ยอมให้ปากคำแก่ตำรวจ ซึ่งก็คือนาวิน ต้า
เหตุผลก็คือ การตายของคนรัก ทำให้สะเทือนใจและไม่พร้อมจะพูด
เธอไม่พร้อมจะพูดมาตั้งแต่ตอนเริ่มเรื่อง และจนผ่านไปแล้วหลายตอน เธอก็ยังคงไม่พร้อม
ราวกับว่า เธอกับคนรัก รักกันปานจะกลืนกิน และเธอมีเขาในทุกห้วงความทรงจำ
ทำให้ไม่อาจยอมรับการจากไปอย่างกะทันหันได้
ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็พอจะเข้าท่าบ้าง
แต่ปรากฏว่า ฉากความสัมพันธ์ระหว่างนุชกานดา กับ คิมห์ น้องชายพระเอก
แทบไม่มีให้เห็น หรือจะว่ากันตรงๆก็คือ ไม่เห็นว่านุชกานดาจะคิดถึงคิมห์ตรงไหน
มีเพียงฉากตอนขับรถที่ระลึกถึงตอนที่ขัดแย้งกัน แล้วนุชกานดาร้องไห้ออกมาเท่านั้น
เธอไม่พร้อมให้ความช่วยเหลือตำรวจในการหาตัวคนร้าย
แต่เธอพร้อมสำหรับไปเต้นเพลงพี่เบิร์ด Loving You too much so much very much อย่างสดใสและร่าเริง
ถ้าผู้เขียนบทต้องการให้ตัวละครนี้ใช้เหตุผลในเรื่องของจิตใจสำหรับการไม่ยอมให้ปากคำ
เพื่อจะส่งต่อให้เนื้อเรื่องมีความยุ่งยากในการหาตัวคนร้ายของพระเอก
ก็ควรให้มีความกลมกลืนของบทบาทมากกว่านี้
ให้เห็นถึงความโศกเศร้าและอ่อนแอทางจิตใจมากกว่านี้
ให้คนดูเชื่อมากกว่านี้โดยไม่มีข้อโต้แย้งว่าเธอไม่พร้อมจริงๆ
หรือถ้าเธอคือหนึ่งในตัวละครที่จะเปิดเผยในภายหลังว่ามีอะไรมากกว่าที่แสดงออกในตอนแรก
ก็ควรทำให้เนียนมากกว่านี้ เพราะโดยธรรมชาติแล้ว ความชั่วร้าย ไม่มีทางที่จะถูกปกปิดได้เสียทั้งหมด
พูดกันง่ายๆก็คือ บทของเธอ หลวมในความเป็นเหตุเป็นผลของการกระทำมากเกินไป
อีกทั้งการถามในหลายๆฉากว่า คำถามที่ตำรวจถามนั้น เกี่ยวอะไรกับเรื่องการตายของแฟนเธอ
คนทั่วไปที่มีความคิด โดยเฉพาะคนสมัยนี้ ที่มี IQ สูงขึ้น คงพอจะนึกได้ว่าทำไม
เพราะทุกคำถามของตำรวจหนุ่มในบทที่เขาท่องมา
ล้วนเรียกได้ว่า Basic มากๆสำหรับการสืบสวนค้นหาความจริง
เสน่ห์ของนุชกานดาที่ควรจะมีตามท้องเรื่อง ลดลงไปอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
ก็ด้วยประเด็นเล็กๆน้อยๆที่ถูกมองข้ามไปนี่แหละ
ย้อนกลับไปที่สุดหล่อ
อัคนี รับบทโดย กาย รัชชานนท์
ตำรวจหนุ่มที่ได้ทำงานในหน่วยสืบสวนคดีพิเศษ
ขึ้นชื่อว่าคดีพิเศษ ใครๆก็ต้องนึกภาพว่า เก่ง
แน่นอน ในความเป็นจริง คนที่จะเข้าทำงานที่นี่ได้ ต้องเก่ง เก่งจริงๆ
(ไม่นับเรื่องเก่งในการเลียแข้งเลียขาหรือการปรับตัวในระบบอุปถัมภ์นะ คาดว่าไม่น่าจะมี หึหึ)
และพระเอกของเรา ก็ต้องเก่ง ถ้าจะให้เป็นไปตามท้องเรื่อง
ดังนั้น บทบาทและฉากที่แสดงถึงความเก่ง ฉลาด และมีไหวพริบของตัวละครนี้ จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะขาดไป หรืออาจเป็นได้ว่า ผูกไว้ไม่เนียนพอ
ครั้งแรก ฉันคิดว่าสาเหตุหนึ่งอาจเพราะเพิ่งดำเนินเรื่องได้เพียงน้อยนิด
จึงยังไม่มีฉากเหล่านี้
แต่เมื่อดูมาจนถึงเมื่อคืนก่อน
ฉากที่เห็นชัดๆ ว่าควรจะมี กลับไม่มี
แม้เพียงคนดูตัวเล็กๆอย่างฉัน ยังคิดได้ประเด็นได้
แต่ตัวละครที่เก่งกาจและถูกวางว่าควรจะฉลาด กลับมองไม่เห็นหรือนี่
ถ้าจะพูดปัดๆไปว่า มันเป็นละคร ก็ดูไร้สาระมากเกินไป
ละครสมัยนี้ ควรสร้างด้วยสมองเพื่อสนองความต้องการของผู้คนให้มากขึ้น
จะหวังแค่เพียงเอาความหล่อความสวยมามอมเมาให้เรตติ้งสูง
ก็ดูไม่เข้าท่าเสียแล้ว
เนื้อเรื่องช่วงนั้น คือการคิดและดูแนวทางว่าระหว่างสองไร่ คือไร่สมันดง กับไร่บอระเพ็ด
ไร่ไหนดี ไร่ไหนไม่ดี และพระเอก ควรจะต้องแฝงตัวเข้าไปที่ไร่ไหน เพื่อให้ใกล้ตัวฆาตกรมากที่สุด
ผู้หญิงทั้งสองไร่คือ สมัน จากไร่สมันดง และบานชื่อ จากไร่บอระเพ็ด ต่างพยายามช่วยให้พระเอกได้เข้าทำงานในไร่ของตน
(มีการแฝงจุดเล็กๆที่การช่วยของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งพระเอกเอ่ยปาก ส่วนอีกฝ่าย เสนอตัวช่วยพระเอก ตามรูปแบบของการวางตัวเป็นนางเอกกับนางอิจฉา)
นางเอกคือสมันนั้น รู้อยู่แล้วว่าพระเอกพักที่ไหน อะไร ยังไง
ส่วนบานชื่นเพิ่งรู้ก็ในวันที่เสนอตัวจะช่วยให้พระเอกได้ทำงานในไร่ของตน
แล้วในคืนนั้น พระเอกก็ถูกลอบทำร้าย
ตามปกติ คนที่มีสัญชาตญาณของการสืบสวนสอบสวน
ก็จะต้องคิด ทบทวน และหาปม เพื่อดมกลิ่นต่อไป
แต่การกระทำเช่นนั้น กลับไม่ปรากฏขึ้นแต่อย่างใด
อีกทั้งควรจะต้องคิดว่า ในสองไร่ ควรจะเล็งไปที่ไร่ไหน แล้วหาทางเจาะเข้าไปอย่างมีเป้าหมาย
ไม่ใช่แค่เพียง ไร่ไหนก็ได้ ขอให้ได้เข้า แล้วค่อยหาเบาะแสอีกที
มันขัดกับความเป็นจริงมากเกินไป
ฉากการต่อสู้ในคืนที่พระเอกถูกลอบทำร้าย นางเอกมาช่วยไว้พอดี
และได้รับบาดเจ็บ เป็นแผลที่หลัง
ด้วยการคิดแค่ผิวเผิน ก็น่าจะรู้ว่าควรจะสงสัยไร่ไหน
คนร้ายมาได้อย่างไร รู้ว่าตนอยู่ที่ไหนได้เช่นไร หนึ่งประเด็น
และถ้าคนร้ายเป็นคนของไร่สมันดง ไหนเลยจะกล้าทำร้ายสมัน ซึ่งเป็นที่รักของคนในไร่
ถ้าตัวละครนี้มีการขบคิด ก็คงจะรู้ว่า ถ้าอยากได้ตัวฆาตกรเร็วๆ
ควรจะแฝงตัวไปอยู่ไร่ไหน
แต่บทละครก็มิได้เป็นเช่นนั้น กลับทิ้งความสงสัยและหดหู่ใจให้กับผู้ชม
นี่คืออีกหนึ่งจุดที่ทำให้ตัวละครที่ควรมีเสน่ห์มากๆและเป็นตัวชูโรงของเรื่อง
ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ควร
หรือถ้าจะไม่เป็นไปตามแนวทางที่จะสร้างฉากหรือสถานการณ์ให้พระเอกได้ใช้สมอง
ก็ไม่ควรมีร่องรอยใดๆให้ผู้ชมใช้สมองมากไปกว่าพระเอกได้
อาจจะเป็นไปในรูปของการที่พวกผู้ร้ายสืบรู้เองว่าพระเอกอยู่ที่ไหน หรือมีการวางแผนอะไรต่างๆ บ้าง
ไม่ใช่มีเพียงสถานการณ์ให้พระเอกได้แสดงฝีมือชกต่อยและแสดงความเท่แค่เพียงการขี่มอเตอร์ไซค์เท่านั้น
มันขาดอรรถรสของการสร้างละครแนวนี้
หวังว่าเมื่อดูตอนต่อไป สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นน้อยลง
^^
ละครน้ำเน่า แหวะ ;b
ตอบลบ