11 ส.ค. 2554

นิสัย

ฉันมีนิสัยแปลกๆ ที่น้อยคนจะรู้หรือเข้าใจ
ด้วยเพราะฉันไม่ค่อยได้บอกใคร
ว่านั่นคือนิสัยของฉัน
ชอบหรือไม่ชอบอะไร สังเกตกันเอาเองจะดีกว่า

ฉันไม่ชอบกินกับข้าวทีละหลายๆอย่างพร้อมกัน
หมายความว่า
ถ้าบนโต๊ะมีกับข้าวหลายอย่าง
ฉันจะค่อยๆกินทีละอย่าง
โดยอาจจะแบ่งสัดส่วนของข้าวในจานไว้ในใจ
ว่าส่วนนี้ใช้กินกับอย่างนี้
และอีกส่วนนี้ใช้กินกับอีกอย่างนั้น
 นั่นคือสาเหตุที่ฉันไม่กินข้าวราดแกง
หรือถ้ากิน ก็จะสั่งแกงที่ราด แค่อย่างเดียวเท่านั้น
เรื่องนี้..เพื่อนรักของฉันรู้ดี
และเธอก็มักจะถามอยู่เสมอ
เวลาที่เราเจอกันและกินข้าวด้วยกัน
"ยังไม่เลิกกินกับข้าวทีละอย่างอีกเหรอ"

ฉันไม่กินข้าวที่ถูกราดด้วยน้ำแกงแฉะๆ
นั่นคือ หากมีกับข้าวที่เป็นแกง ต้ม หรืออะไรก็ตามที่มีน้ำ
ฉันจะตักแกงใส่ปาก แล้วค่อยตักข้าวตามเข้าไป
จะไม่ตักแกงมาใส่จานข้าวให้แฉะ
แล้วค่อยตักเข้าปาก
แต่หลายครั้ง ที่ฉันกินข้าวกับใครๆ
และมีผู้หวังดี ตักกับข้าว
ซึ่งเป็นแกงหรือต้มให้ มาใส่จานข้าวฉัน
ความหงุดหงิดจะบังเกิดขึ้นทันที
แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
นอกจากตักเข้าปาก
เพื่อรักษาน้ำใจและมารยาทบนโต๊ะอาหาร

ฉันชอบกินมาม่า และวุ้นเส้น
แต่เฉพาะมาม่าและวุ้นเส้นที่อยู่ในสภาพลวกแบบกรอบๆ
เส้นกำลังดี และไม่มีความอืดมาเจือปน
หากว่าเส้นที่ฉันตั้งใจจะกิน
มันเริ่มอืดแม้เพียงนิดเดียว
ฉันจะเริ่มกินไม่ค่อยลง
และหากว่ามันอืดแบบจะจะคาตา
ความตั้งใจว่าจะกิน ก็จะหายไปในบัดดล
และถ้าการกินครั้งนั้น มีความสำคัญ
เช่น ฉันกำลังหิวมาก หรือ ฉันอยากกินมากๆ
ฉันก็จะหงุดหงิด...มาก

ฉันไม่ชอบสถานที่ที่มีผู้คนเยอะๆ
เมื่อฉันต้องขึ้นรถไฟฟ้า
ในสภาวะที่ผู้คนเบียดเสียดแออัดกัน
หากว่าฉันไม่มีหนังสือสักเล่มอยู่ในมือ
ฉันก็จำเป็นต้องมียาดม
และหากว่าบังเอิญไม่มีทั้งสองอย่าง
ฉันก็จะยืนหลับตา และภาวนา
พองหนอ ยุบหนอ
มิฉะนั้น ฉันจะหน้ามืด โลกหมุน ได้ยินเสียงวิ๊งๆ
หายใจถี่ และรู้สึกอึดอัดอย่างรุนแรง
ฉันเคยเกือบเป็นลม
โชคดีที่สถานีถัดไป เป็นจุดหมายปลายทางของฉันพอดี
แฟนเก่าของฉัน มักจะพกยาดมติดตัวไว้เสมอ
เขาไม่ใช้มันหรอก
เขาเผื่อไว้สำหรับฉัน
และทุกครั้งที่เจอกัน เขาจะซื้อยาดมอันใหม่ให้ฉันเอาไว้ติดตัวเสมอ
เพราะฉันเป็นพวกชอบทำของหาย
ยิ่งของชิ้นเล็กๆอย่างนั้นด้วยแล้ว...ไปสบาย
เราลองยาดมมาเกือบทุกยี่ห้อ
และมาจบลงที่..เปบเปอร์มิ้นฟีลด์

เขาเอาไอพอดน้อยสีเขียวลงเพลงมาให้ฉัน
บอกให้ฉันเอาไว้ใช้ เวลาเจอสภาพแบบนั้น


ฉันไม่เที่ยวกลางคืน ไม่เข้าผับหรือสถานเริงรมย์ต่างๆ
ด้วยเหตุผลของการเกลียดที่ที่ผู้คนเบียดเสียดแออัดกันนี่แหละ
พูดถึงแฟนเก่าอีกครั้ง
วันนั้นเป็นวันสอบเสร็จของเขา
การไปฉลองกับเพื่อนๆในที่แบบนั้น ก็เป็นเรื่องธรรมดา
ฉันไม่ไป
แต่ก็มีเหตุการณ์ให้ฉันต้องไป
ฉันเข้าไปที่นั่น จำได้ว่าคนเยอะมาก
ไม่มีกลิ่นบุหรี่ ตามกฎหมายใหม่
เป็นเวลาประมาณ 5 นาทีที่ฉันเข้าไปเหยียบที่นั่น
เสร็จธุระ ฉันก็รีบออกมา
แล้วก็อ้วก...ทั้งๆที่ไม่ได้แตะต้องแอลกอฮอลเลยสักนิด
เขาแซวฉันว่า "คุณนี่ ไม่มีภูมิคุ้มกันกับที่แบบนี้เลยจริงๆนะ"

แต่ฉันก็เคยไปนะ
ฉันไปมาแล้ว 2 ครั้งสำหรับ 21 ปีกว่าๆที่เกิดมา
ครั้งแรกเมื่อวันสอบเสร็จของปี 3 เทอม 2
และอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี
ตอนเข้าไปช่วงแรกๆ ยังไม่มีคน ฉันยืนหนาว
เมื่อดึกและมีคนเยอะขึ้น
เพื่อนๆผู้ชายมายืนกันฉันไว้
เพื่อน(ที่เคย)สนิท มายืนบังฉัน
เขาตัวใหญ่ และมักจะคอยปกป้องฉัน
ฉันอุ่นใจเมื่อมีเขา
ฉันไม่ทันได้คลื่นไส้เวียนหัวจากความแออัดของผู้คน
ฉันก็วิ่งไปอ้วก หลังจากแก้วที่ 3 หมดไป
จากนั้น ฉันก็เมา 555
เป็นเช่นนี้ ทั้งสองครั้ง

แต่ครั้งที่สอง ฉันเมามาก
ด้วยเพราะวันนั้น มีเรื่องผิดใจกับใครบางคน
ฉันก็เลยกินแบบไม่ยั้ง
และไม่ได้นึกสงสารตับ ไต ไส้พุงตัวเองแม้สักนิด
ฉันเมามาก และอ้วกมากด้วย
อ้วกจนไม่มีอะไรจะอ้วก แต่ก็ยังจะอ้วก
แล้วฉันก็ขี้เกียจถือถุงใส่อ้วก
จึงเอาถุงเกี่ยวหูไว้
เป็นที่ขบขันของเพื่อนๆ และเป็นเรื่องโจ๊กที่เป็นที่จดจำจนทุกวันนี้
ที่มาของอีกฉายาของฉัน

แพรวา..ถุงเกี่ยวหู



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น