10 ส.ค. 2554

มะหมา

เมื่อวันก่อน นั่งซึมอยู่สักพัก (ใหญ่)
น้ำตามันทำท่าจะไหลอยู่หลายครั้งหลายครา
ด้วยภาพที่เจอมา มันวนไปเวียนมา
และไม่สามารถลบออกไปจากใจได้เสียที

ความจริงก็คือ ฉันไม่อาจลบมันไปได้เอง
อาจเพราะจิตใจที่อ่อนแอเกินไป
หรืออาจเพราะภาพที่่มันหนาแน่นจนยากที่จะลบเลือน

ทุกๆเช้า ฉันต้องผ่านตรงบริเวณสถานี MRT คลองเตย
ออกมาขึ้นฝั่งที่เขียนว่า ซอยไผ่สิงโต ทางออกที่ 3
แต่สำหรับเช้านั้น ไม่เหมือนเช้าของทุกวัน
เช้าวันนั้น มีสิ่งหนึ่งเพิ่มเติมเข้ามา

ครั้งแรก
ฉันเห็นเพียงรอยกองอึหมาที่ท่าทางเหมือนถูกเหยียบและละเลงเท้าไปมา
แต่เมื่อมองดูอีกที
เจ้าของกองอึหมานั้น ก็นอนอยู่ข้างๆนั่นเอง
หาใช่รอยเท้ามนุษย์ผู้ใดเผลอไผลไปเหยียบอย่างที่เข้าใจ
หมาตัวนั้น..นอนทับกองอึของตัวเอง

ฉันเข้าใจว่า ตามปกติ หมาเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างรักสะอาด
เวลาทำภารกิจส่วนตัวแบบนั้น
มันจะยกหางตัวเอง...

แต่หมาตัวนี้ ไม่เพียงไม่ยกหาง
หนำซ้ำ ยังนอนทับ และละเลงซะจนรอยเปื้อนแผ่รัศมีเป็นวงกว้าง

ความจริงก็คือ...ขามันพิการ
มันขยับได้เพียงขาหน้าเท่านั้น
นั่นหมายความว่า..มันแทบจะลุกขึ้นยืนหรือเดิน
เหมือนหมาปกติทั่วไปไม่ได้เลย

ครั้งแรก มันหันหน้าออกไปทางถนน
หันหลังให้ฉัน
แต่เมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้
ซึ่งต้องเดินผ่านหน้ามัน
มันหันหัว แล้วสักพักก็พยายามหันตัว
ค่อยๆขะยึกขะยักตัวมัน มาทางฉัน

ฉันมองมัน มันมองฉัน
เราสบตากัน
แววตาของมัน...ฉันยังจำได้ดี
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันหิว
หิวมากเสียด้วย

แต่เพราะข้ออ้างแย่ๆที่มีขึ้นในสมอง
รถตู้ที่จะไปบริษัทกำลังจะได้เวลาเคลื่อนล้อแล้ว
ฉันจึงหลบสายตามัน และเดินก้าวฉับๆไปยังที่ซึ่งรถจอดอยู่

หากแต่...สายตาคู่นั้น
ยังคงจับจ้องและตราตรึงอยู่ในจิตใจ

สุดท้าย เวลาเกือบทั้งวันของฉัน
ก็เสียไปกับการนั่งคิดวนไปวนมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เสียงตะโกนด่าตัวเองในใจก้องอยู่ทุกอิริยาบถ
มันเป็นความรู้สึกผิดที่ร้ายกาจจริงๆ

ทำไม...ฉันจึงได้ใจร้าย..ขนาดนี้
ถ้าฉันไม่ได้สบตากับมัน เราก็คงต่างคนต่างอยู่
แต่การสบตาและพยายามตะเกียกตะกายตัวมาหาฉัน
นั่นหมายความว่า...มันกำลังขอความช่วยเหลือ

ฉันปฏิเสธการขอความช่วยเหลือนั้นอย่างแล้งน้ำใจ

ฉันอึดอัดและรู้สึกอยากจะร้องไห้ตลอดเวลา
จนกระทั่งทนไม่ไหวอีกต่อไป
ฉันหยิบโทรศัพท์ ส่งข้อความถึงคน 2 คน

คนรัก และ เพื่อนรัก

เสียงตอบรับกลับมามีเพียงหนึ่ง
ตอนเที่ยง ฉันไปพบกับคนๆนั้น..เพื่อนรักของฉัน
เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เสียงสั่นๆ น้ำตาคลอ
เธอรับฟัง..และจบท้ายด้วย
"ไม่มีอะไรจะพูดอ่ะ"
"เย็นนี้ไปหาทำความดีชดเชยความรู้สึกแล้วกันเนอะ"


แน่นอน มันต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว
เพราะการจะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
ตราบใดที่ความผิดนั้น ยังไม่อาจได้รับการแก้ไข

ฉันหวังว่า..ฉันจะได้มีโอกาส พบเจอมันอีกครั้ง
นั่นคือคำขอร้องของฉัน..ต่อใครหรืออะไรก็ตาม
ที่อาจจะช่วยดลบันดาลให้ได้

แล้วเช้าวันนี้..ฉันก็พบมันจริงๆ
ที่เดิม
เวลาเดิม
แต่ครั้งนี้...การกระทำของฉันไม่เหมือนเดิม

ขอบคุณ...โอกาสในการแก้ตัวที่หาได้ยากยิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น