หนังสือเล่มนี้
ข้าพเจ้าซื้อมานานพอสมควรแล้ว
แต่เพิ่งจะได้อ่านจริงจังเมื่อวานนี้เอง
อ่านแล้วสะเทือนใจ
คล้ายจะเป็นหนังสือแนวๆ ตำราวิชาการ
ที่เอามาย่อย ให้อ่านง่าย
แต่มันไม่ใช่แค่นั้น
ผู้เขียนอาศัยการถ่ายทอดความคิดโดยเป็นคล้ายนวนิยายสั้นๆ
เรื่องของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
ซึ่งป่วย เป็นโรคแอลดี
คือ Learning Disabilities
คือ ภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้นั่นเอง
หนูน้อย "ฮิพฮอพ" ผู้น่าสงสาร
ถูกเลี้ยงดูมาท่ามกลางความคาดหวังของผู้เป็นพ่อแม่
พ่อแม่สมัยใหม่
ในยุคทุนนิยม
ยุคที่เด็กซึ่งมีลักษณะอันพึงประสงค์
คือเด็กที่เรียนเก่ง ตั้งใจเรียน สอบได้คะแนนสูงๆ
แต่เมื่อหนูน้อยไม่อาจทำตามความประสงค์ของพ่อแม่ได้
เมื่อไม่อาจเป็นเด็กเรียนเก่งเรียนดี
ไม่ชอบการอ่านการเขียนหนังสือ
ไม่อยากทำอะไรที่พ่อแม่ยัดเยียดให้ทำ
ก็เกิดภาวะตึงเครียด
ครอบครัวไม่อบอุ่น
เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง
เกิดปมปัญหา
ซึ่งตัวละครทุกตัวในท้องเรื่อง
ไม่มีใครรู้เลยว่าปัญหาเกิดจากอะไร
และไม่มีใครรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะแก้ปัญหานั้นได้
ผู้เขียนใส่ความคิด ใส่ความเห็นส่วนตัว
และชี้แนะแนวทาง
สลับกับเล่าเรื่อง
ทำให้ผู้อ่านรู้สึกคล้ายกำลังดูละคร
คือ รู้เรื่องราวทั้งหมด
แต่คนที่แสดง คนที่เป็นพระเอกนางเอก เป็นตัวเอกของเรื่องนั้นไม่รู้
มันก็มีอารมณ์ร่วม
มีความขุ่นข้องหมองใจ คับแค้นใจ
และสะเทือนใจ
ข้าพเจ้าชอบเรื่องราวที่ผู้เขียนสร้างสรรค์ขึ้น
แม้สำนวนภาษาจะไม่สละสลวย
ไม่วิจิตรพิสดาร
ก็หาใช่ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้
เพราะหนังสือเล่มนี้
เหมาะสำหรับการอ่านเอาเนื้อหา
เอาแนวความคิด
เอาวิธีการ
ไม่ได้อ่านเอาความบันเทิง
แต่ถ้าจะถามหาความบันเทิง
ก็ใช่จะไม่มี
อยากให้ผู้ปกครอง พ่อแม่หลายๆ คนได้อ่าน
เผื่อว่าใครบางคน
อาจจะกำลังเผชิญสถานการณ์อย่างที่ครอบครัวหนูน้อยฮิพฮอพกำลังเผชิญ
โดยไม่รู้ตัว
ในเรื่องนี้ จบลงด้วย "โชคดีที่ไม่สายเกินไป"
คือ ยังแก้ไขได้ทัน
แต่ในชีวิตจริง
โอกาสอย่างนี้
ไม่ได้มีกันทุกครอบครัว
ด้วยรัก
แพรวา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น