"คดีความ"
หลุดโลก แต่ก็อธิบายความเป็นไปของ "โลก" ได้อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะโลกที่เราไขว่คว้าหาความถูกต้อง
และพยายามหลอกตัวเองว่าความยุติธรรมมีอยู่จริง
อ่านเล่มนี้แล้ว แอบรู้สึกดีนะ
อย่างน้อยก็สื่อให้เห็นว่า
เอ้า...ไม่ได้มีแค่ประเทศเรานี่หว่าที่ระบบยุติธรรมง่อยเปลี้ยเสียขา
ไม่ใช่แค่ประเทศเราที่มีการเอาตัวรอดของผู้คนชนชั้นตุลาการ
ด้วยการโยนความผิดบาปและทุข์ทรมานมาให้คนอื่น
ถ้าไม่ทำ...เราก็ไม่รอด
มันจึงดูเหมือนว่า มีเหตุผล และมีความชอบธรรม
ที่จะทำอย่างนั้น
มันจำเป็นนี่ ทำไงได้
รักษาความปลอดภัยชั้นผู้น้อยที่มีหน้าที่อย่างไรก็ทำแค่นั้น
ไม่ต้องใช้ความคิด ไม่ต้องใช้สมอง
ถ้าบังอาจคิด บังอาจตัดสินใจ
บังอาจทำเกินขอบเขตหน้าที่
จะกลายเป็นความเดือดร้อน
และตนต้องรับผิดชอบผลที่จะตามมา
ซึ่งแน่นอนว่า...รับไม่ได้ รับไม่ไหว
ข้าพเจ้าชอบความแสบสันที่คาฟคาสื่อออกมาตั้งแต่ต้นเรื่องจนกระทั่งหน้าสุดท้าย
การที่ตัวเอกถูกกล่าวหาว่ามีความผิดร้ายแรง
ร้ายแรงมาก
น่าจะผิดอาญา
ต้องรับโทษทัณฑ์ที่ดูเหมือนจะหนัก
และเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
แต่กลับไม่มีความแน่ชัดเลย
ไม่มีการบอกว่า
ตกลงแล้ว ตัวเอก คือ "คา"
ทำอะไรผิด
ผิดด้วยข้อหาอะไร
ยังไง เมื่อไหร่
ไม่มีพูดไว้เลย
บอกแค่ว่า...มันผิดมาก มันใหญ่มาก
นี่แหละ จุดสะอึกของเรื่องนี้
เพราะกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ยุติธรรม
ก็จะเป็นเช่นนี้แหละ
เป็นอะไรที่ไม่ชัดเจน
เป็นอะไรที่บอกผล ฟันธงคำตอบ
แต่ไม่มีคำอธิบาย
ไม่มีความโปร่งใส
และตรวจสอบไม่ได้
เรื่องนี้
คาฟคา ก็ยังเป็นคาฟคา
แน่นอน เรื่องที่คาฟคาเขียน
กับตัวตนของเขา
ไม่อาจแยกจากกันได้
ในระดับที่ว่า
คาฟคาก็คืองานเขียน และงานเขียนก็คือคาฟคา
ทะนงตัว ถือดี หยิ่งผยอง
หากแต่ซ่อนความหวั่นไหวมากมายไว้ในเบื้องลึก
ภายนอกแสดงออกราวกับไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใด
แต่ภายในกลับไขว่คว้าหาที่พึ่งอยู่ตลอดเวลา
อ่านงานเขียนของคาฟคาแล้ว
ก็ต้องไปหาอ่านประวัติของเขา
อยากรู้ตัวตนของเขา
แต่ก็นั่นแหละ
ถ้าหาสืบประวัติความเป็นตัวตนของเขาไม่ได้
ก็งานของเขานี่แหละ
คือๆ กัน
แพรวา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น