แล้วพระเจ้า.. ก็นำเอาความหวานของเกสรดอกไม้ นำเอาความแปรปรวนของกระแสลม นำเอาความปราดเปรียวของกวาง นำเอาความดุร้ายของเสือโคร่ง นำเอาความลึกลับของทะเลมารวมกัน แล้วพระองค์กล่าวว่า.. ....จงเป็นผู้หญิง!!
23 ก.พ. 2557
One by One...Three Hundreds No.53 "สายรุ้งกลางซากผุกร่อน"...มาโนช พรหมสิงห์
"สายรุ้งกลางซากผุกร่อน"
หนึ่งในหนังสือที่เป็นผลผลิตจากโครงการผลิตวรรณกรรมจากการสัมผัสเรียนรู้ชุมชนท้องถิ่น
ที่นักเขียนไทยหลายท่าน ต้องลงพื้นที่
เก็บข้อมูล และสร้างสรรค์งานเขียน
โดยรอบนี้ประกอบด้วยนักเขียน ๖ ท่าน
คือ แดนอรัญ แสงทอง
มาโนช พรหมสิงห์
ปริทรรศ หุตางกูร
เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์
จเด็จ กำจรเดช และ
วีรพงษ์ สุนทรฉัตราวัฒน์
ข้าพเจ้าชอบหนังสือเล่มนี้
และเอ่ยปากขอยืมมาจากเพื่อนรัก
ซึ่งเพื่อนรักก็ใจดีมาก...ให้ไปเลย
เพราะอ่านไม่รู้เรื่อง (ฮ่าๆๆ)
ปกติ ข้าพเจ้าไม่ใคร่ปลื้มหนังสือที่เขียนด้วยสำนวนเก่าแก่
คือพร่ำเพ้อพรรณนาดินฟ้าอากาศที่มากเกินจำเป็น
ประมาณว่า หนึ่งหน้าก็แล้ว สองหน้าก็แล้ว ยังไม่เข้าเนื้อหา
แต่ถามว่าอ่านได้ไหม
ได้
แค่ไม่ชอบก็เท่านั้น
เล่มนี้
บอกตามตรงว่าเป็นเล่มแรกที่มีลักษณะเช่นนั้น
แต่ข้าพเจ้าไม่รู้สึกรำคาญ
ทว่ากลับนิยมชมชื่น
และทึ่งไปกับจินตนาการ
ที่ผู้เขียนเปรียบเปรยสภาพดินฟ้าอากาศ
และบรรยายฉากไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์
อาทิ
"...พลันฟ้าเกลื่อนดวงดาวอันบอบบาง ก็มิอาจโอบอุ้มกลุ่มเมฆฝันดำทะมึนหนักอึ้งได้อีกต่อไป
ชั่วไม่นานไม่ถึงอึดใจ แผ่นฟ้าก็ฉีกขาดเป็นเส้นสายประกายแปลบปลาบ
มันครวญครางอย่างปวดร้าวดังกึกก้อง
แล้วหยาดฝนก็พร่างพรมลงสู่แผ่นดิน..."
อืม...นี่มันยิ่งกว่าฟ้าร้องไห้อีกนะ
และอีกหน้าที่ข้าพเจ้าพับไว้
"คนขายยา คนทอผ้า อย่าไปเกี่ยวกับสงคราม กับซากศพพรุนกระสุนเลย
ลูกหลานนักศึกษาเองก็ควรจะเรียนเขียนอ่านให้แตกฉาน
จับดินสอปากกา ไม่ใช่จับปืน
.....
ให้สงครามเป็นภาระหน้าที่ของคนไม่มีหัวนอนปลายตีนเถิด..."
ทีแรกว่าจะแชร์ไปหน้าเฟสบุ๊ค
แต่เกรงว่าจะกระทบหลังใครหลายคน
สงสารเขา
หึๆ
ป.ล. ตัวละครที่เอ่ยถ้อยคำนั้น คือหนึ่งในสหายคอมมิวนิสต์
ซึ่งพร้อมยอมตายเพื่ออุดมการณ์
แต่จะไปตายเพียงคนเดียว
ไป...เพียงลำพังเท่านั้น
ด้วยรัก
แพรวา
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น