26 ก.พ. 2556

One by One..Three Hundreds: สามร้อยทีละเล่ม


หลายคน เปรียบคน เหมือนหนังสือ

ให้ค่อยๆ เรียนรู้

ค่อยๆ ดูกันไป

ให้ดูเนื้อใน

อย่าดูแต่หน้า

เพราะทั้งคน และหนังสือ

ต่างตัดสินแค่เพียงปก หรือ เปลือก

ย่อมไม่ได้




ข้าพเจ้าเห็นด้วยนะ

ภายนอก..มันบอกอะไรไม่ได้จริงๆ

อย่างมาก แค่คาดเดา ความน่าจะเป็น

แต่เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าสิ่งที่เราเห็น

คือสิ่งที่คนๆ นั้นเป็น หรือหนังสือเล่มนั้นๆ มี





ข้าพเจ้าก็เปรียบคน กับหนังสืออยู่บ่อยๆ

เปรียบเพื่อเปรียบบ้าง

หรือบางครั้ง

ก็เปรียบเพื่อหาข้ออ้างให้ตัวเอง



ข้ออ้างอะไร?



ก็อย่างเช่น

เมื่อข้าพเจ้าเจอคนๆ หนึ่ง

ข้าพเจ้ารู้สึกอยากรู้จัก

ข้าพเจ้าเข้าไปทักทาย พูดคุย

ถ้าพูดคุยไปสักนิด รู้จักกันไปสักหน่อย

แล้วเขาคนนั้น ค่อนข้างมีแนวโน้มว่าจะเป็นคนดี

ข้าพเจ้าก็จะทำความรู้จักกับเขาไปเรื่อยๆ



เหมือนหนังสือ

ที่เมื่อดูปกหน้า ปกหลัง เปิดผ่านๆ แล้ว

ข้าพเจ้าอยากอ่าน

ก็จะอ่าน

ค่อยๆ อ่านไป ๆ ทีละหน้าๆ

อ่านไปเรื่อยๆ



แต่ถ้าเขาคนนั้น มีแนวโน้มว่าจะเป็นคนไม่ดี

ข้าพเจ้าก็จะถอยห่าง

ตีตัวเองออกมา

เพราะพระพุทธศาสนาสอนไว้ว่า

อย่าคบคนพาล




หนังสือก็เช่นกัน

เมื่ออ่านไปๆ แล้วพบว่า

เวิ่นเว้อ ไม่มีหลัก ไม่มีประเด็นน่าสนใจ เขียนอะไรของมัน

ข้าพเจ้าก็จะหยุดอ่านเสีย

ฮ่าๆๆ

(เอาความน่าเบื่อของหนังสือ มาเป็นข้ออ้าง ให้ไม่ต้องอ่านต่อไปนั่นเอง หุๆ)




แต่ก็นั่นแหละ

เมื่อคนๆ นั้น แสดงออกมาในเบื้องต้นว่าดีหรือไม่ดี

ข้าพเจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าดีจริง หรือไม่ดีจริง

ข้าพเจ้าควรให้โอกาสเขามากน้อยแค่ไหน

ถ้าเวลาผ่านไป

มันมีเหตุการณ์อื่นๆ มาทำให้ความคิดเปลี่ยน

ทำให้เขาคนนั้น ได้แสดงตัวตน

ได้แสดงให้เห็นว่า หัวใจของเขาเป็นเช่นไร

ข้าพเจ้าจะเสียใจหรือไม่

ที่ด่วนตัดสินเขา เร็วเกินไป



ข้าพเจ้าควรต้องอดทน

ดูเขาไปเรื่อยๆ

เช่นนั้นหรือ

แล้วถ้าท้ายที่สุด

เขาเป็นคนไม่ดีจริงๆ

ข้าพเจ้าจะถอนตัวเองออกมาได้ทันหรือไม่



หนังสือ

มันยังมีหน้าสุดท้าย

เพื่อให้ได้อ่าน ได้ศึกษาจนจบทั้งหมด

แล้วจึงสามารถตัดสินได้ว่าดี ไม่ดี ชอบ ไม่ชอบ

แต่คนนี่สิ

อย่างไรจึงจะพอ สำหรับการศึกษา..ก้อนความคิดและหัวใจ




ข้าพเจ้าอาจอ่านหนังสือเล่มหนึ่งไปสักหนึ่งบท

แล้วไม่ชอบ

ข้าพเจ้าอาจปิดมันเสีย แล้ววางมันไว้ที่ชั้นหนังสือ

โดยไม่แตะต้องมันอีก

ทว่า ข้าพเจ้าอาจกัดฟัน อ่านมันต่อไป

สำหรับบทถัดๆ มา

ข้าพเจ้า อาจเปลี่ยนใจ

เออ มันก็ดีนะ

มันก็ได้เรื่องนะ

หรือ มันก็เจ๋งนะ

จนกว่าจะถึงหน้าสุดท้าย

ข้าพเจ้ามีสิทธิวางมันลงได้ทุกเมื่อ

และเมื่อใดที่วางลง โดยไม่คิดจะหยิบมาอ่านอีก

นั่นหมายความว่า

ข้าพเจ้าตัดสินมันแล้วว่ามันไม่ดี

แต่นั่น จะดีหรือ

ในเมื่อมีทางที่ข้าพเจ้าจะศึกษามันจนจบได้

ข้าพเจ้าควรเพิกเฉยต่อโอกาสนั้นหรือ




แล้วถ้าวันหนึ่ง

มีคนหยิบหนังสือเล่มนั้นมาอ่าน

แล้วบอกข้าพเจ้าว่า

หนังสือเล่มนั้น

ดีนะ

ข้าพเจ้าจะทำอย่างไร

จะกลับไปหยิบมันมาอ่านอีก

หรือจะวางท่า

เชอะ ไม่เห็นจะดี

ข้าพเจ้าจะเชอะได้เต็มปากเต็มคำหรือ

ในเมื่อยังรู้จักกับมันไม่เท่าไหร่เลย




สำหรับช่วงชีวิตนี้ วันนี้ ตอนนี้
ข้าพเจ้าไม่ต้องการศึกษาผู้คน หรือทำความรู้จักกับใครอย่างลึกซึ้งอีก

คนสำคัญในชีวิตของข้าพเจ้า

มีเพียงพอแล้ว สำหรับการหายใจต่อไปในแต่ละวัน

ข้าพเจ้าอาจยิ้มทักทาย อาจพูดคุย

แต่คงไม่อาจเทใจให้ใครได้อีกต่อไป

มันเกินกำลัง




เพราะฉะนั้น

เมื่อชีวิตคือการเรียนรู้

และเมื่อข้าพเจ้าไม่เลือกจะเรียนรู้คน จากคน โดยตรง

หนทางที่ข้าพเจ้าจะสามารถเรียนรู้หัวใจผู้คนได้

ก็คือ หนังสือทั้งหลาย

ข้าพเจ้าจะศึกษาหนังสือทีละเล่ม

ค่อยๆ ทำความรู้จัก

ค่อยๆ พูดคุย

แล้วจึง ค่อยๆ ตัดสินหนังสือเหล่านั้น





แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าพเจ้าจะตัดตัวเอง

ออกจากสังคม ออกจากโลกกว้างใบนี้

ข้าพเจ้ายังต้องเดินต่อไป

พบผู้คนใหม่ๆ ต่อไป

รู้จัก และยิ้มให้ใครๆ

ต่อไป

มนุษย์ ถูกสร้างมาเพื่อลักษณาการเช่นนี้อยู่แล้วนี่นา




นั่นเป็นเพียงการครุ่นคิดเรื่อยๆ เปื่อยๆ

เพราะอย่างไรเสีย

ข้าพเจ้าก็ตัดสินใจแล้ว

ว่าต่อแต่นี้

ข้าพเจ้าจะอ่านหนังสือทีละเล่ม

ให้จบ..ทุกเล่ม


มันเป็น Mission อย่างหนึ่ง

ที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วง

และเป็นไปได้ด้วยดี

300 เล่ม

ทีละเล่ม




ยากอยู่เหมือนกันนะ

สำหรับมนุษย์อ่านหนังสือไม่ค่อยจบเล่มอย่างข้าพเจ้า

เพราะหากไม่ชอบ ไม่ถูกใจ น่าเบื่อ

ข้าพเจ้าก็มักจะวางเล่มนั้นลง โดยทันที

ข้าพเจ้าไม่ค่อยให้โอกาสกับสิ่งที่ไม่ท้าทายหรือไม่เกิดประโยชน์กับชีวิตสักเท่าไหร่

แต่ก็อย่างว่า

ข้าพเจ้าอาจมีความอดทนต่ำเกินไป

ด่วนคิด ด่วนตัดสินใจ เกินไป

ถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนตัวเองเสียที




วันอังคาร สีชมพู
26 กุมภาพันธ์ 2556
แพรวา มั่นพลศรี





*****************************************************

ณ วันนี้

ข้าพเจ้าก็ยังสนุกสนานกับการเปรียบเทียบ

ระหว่าง หนังสือ กับ หัวใจคน



หนังสือ ดูแค่ภายนอก ไม่ได้

หนังสือ ให้โอกาสเรา...เรียนรู้

หนังสือ อาจมีทั้งส่วนที่เราชอบ และไม่ชอบ

เช่นเดียวกับ..หัวใจคน




หนังสือ

มีทั้งดี และไม่ดี

มีทั้งเรียบง่าย และยุ่งยาก

มีทั้งเข้าใจได้

และยากที่จะเข้าใจ

แท้แล้ว

หนังสือ ก็คือภาคส่วนเล็กๆ ของหัวใจใครสักคน




เราอาจศึกษาหนังสือได้จนจบทั้งเล่ม

แล้วตัดสินว่าชอบ ไม่ชอบ ดี ไม่ดี

แต่เราไม่อาจศึกษาหัวใจใครได้ทั้งหมดทั้งมวล

ไม่อาจเข้าใจทุกซอกทุกมุมของความเป็นไป

เพราะหัวใจคน

มันสลับซับซ้อน

และไม่มีหน้าสุดท้าย

ตราบใจที่ลมหายใจ

ยังไม่สิ้นสุด




เราอาจอ่านหนังสือ

แล้วตัดสินว่ามันไม่ดี

ตั้งแต่เริ่มต้น

เราอาจวางมันทิ้งไว้

แล้วสักวัน เราอาจกลับมาอ่านมันได้ใหม่

เมื่อเราต้องการ





แต่เรา ไม่อาจทิ้งๆ ถือๆ หัวใจใครได้

วางแล้ววางเลย ถือแล้วก็ควรถือเลย

เพราะเมื่อใดที่เราวางหัวใจใครไว้

หัวใจนั้น ก็พร้อมจะกลับไปหาเจ้าของ

และไม่เหลียวมามองเราอีกเลย

















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น