วันนี้ เปิดอีเมลที่ลิ้งค์กับ blog นี้
พบรายงานว่า มีผู้มาคอมเม้นท์
บทความที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้ เมื่อไม่นานมานี้
น้องคนนั้น บอกว่า สะเทือนใจ บอกว่าอินกับบทความนั้น
ข้าพเจ้ากลับไปอ่านมันอีกครั้ง
ด้วยสภาพอารมณ์ปกติดี
แต่ขณะอ่าน
ไล่สายตาไปเรื่อยๆ
คล้ายกับกำลังประมวลผล
คล้ายกับสมองกำลังย้อนภาพนั้น
ช้าๆ
แล้วข้าพเจ้าก็พบว่า
ตัวเอง..กลับมาเจ็บปวดอีกครั้ง
ประหนึ่งว่า เรื่องราวนั้น เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อวาน
ข้าพเจ้านั่งซึมอยู่สักพัก เจ็บปวดอีกครั้งอยู่สักครู่
แล้วถามตัวเองว่า
ทำไมจึงยังเจ็บปวดอยู่
เรื่องบางเรื่อง เคยทำให้เจ็บปวด
แต่ ณ ปัจจุบัน มันทำอะไรเช่นนั้น ไม่ได้อีกต่อไป
ทว่า ทำไมกับเรื่องบางเรื่อง
จึงยังไม่เจือจาง
หรือเพราะบาดแผลต้องการเวลาในการเยียวยา
ถ้าเช่นนั้น เวลาสักเท่าไหร่ จึงจะพอ
หรือแท้แล้ว
เราจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่าง
เพื่อสมานแผลไปด้วย
ดังเช่นที่เราใส่ยาแดง พันผ้ากอซ หรือแม้กระทั่ง ต้องเย็บปากแผล
ใครคนหนึ่งเคยบอกข้าพเจ้าว่า
หากนึกถึงเรื่องใดแล้วยังมีอารมณ์กับเรื่องนั้น
แสดงว่าเราไม่ได้ปล่อย ไม่ได้วางมันจริงๆ
เราต้องพิจารณามัน
เพื่อจะได้เท่าทันมัน และเพื่อที่จะมันจะได้ไม่มีพิษภัยกับใจเราอีก
ข้าพเจ้าทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
บทความงานวิจัยชิ้นหนึ่ง
บอกไว้ว่า
เมื่อเราเจ็บปวดจากเรื่องใด
ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน
ฮอร์โมนนั้นจะไปกระตุ้นสมองส่วน Amygdala
ซึ่งสมองส่วนนั้นก็จะทำการบันทึกความเจ็บปวดนั้นไว้
ยิ่งเรามีอารมณ์รุนแรงเท่าไหร่
ฮอร์โมนก็จะยิ่งถูกหลั่งออกมามาก
สมองยิ่งบันทึกอย่างหนักแน่นและฝังลึกลงไปเท่านั้น
แล้วทีนี้
เมื่อย้อนนึกไปถึงเรื่องนั้นอีก
เราก็จะเจ็บปวดอีก
เมื่อเจ็บปวดอีก ก็หลั่งฮอร์โมนอีก
เป็นเช่นนี้เรื่อยไป
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เมื่อเราพยายามข่มมัน พยายามสลัดมันทั้งแรงๆ
มันก็จะยิ่งดื้อ
ยิ่งด้าน
ยิ่งฝังลงไป ลึกกว่าเดิม
นั่นคือเหตุผลว่า
ทำไมแผลเก่า ไม่หายสนิทเสียที
ไปสะกิดถูกมันมีไร เลือดก็ยังคงไหลซิบๆ
ร่างกายมันมีกระบวนการ
อาจเพราะเมื่อสิ่งใดทำให้เราเจ็บปวด
ร่างกายอาจตีความว่า
ต้องจดจำไว้
เพื่อหลีกเลี่ยง
เพื่อจะได้ระมัดระวัง
ไม่ไปเจอความเจ็บปวดนั้นอีก
เพราะอย่างนี้กระมัง
คนเราจึงฝังใจกับเรื่องร้ายๆ มากกว่าเรื่องดีๆ
ทีนี้ ทางแก้ ต้องทำเช่นไร
เราจะต้องทนทุกข์ไปกับกระบวนการของสมองและร่างกายอีกนานเท่าไร
ข้าพเจ้าอาจต้องควบคุมใจตน
ควบคุมใจ ไม่ใช่สมอง
แต่ถ้าจะให้ไตร่ตรองกันด้วยเหตุผล
ก็คงไม่ได้
เพราะข้าพเจ้าก็ย่อมมีเหตุผลของข้าพเจ้า
ที่จะอนุญาตให้ตัวเองไม่พอใจ เจ็บปวด หรือโกรธแค้น
ว่ากันตามตรรกะ จึงไม่ช่วยอะไร
มีแค่ตัดสินผิดถูก แต่ไม่ช่วยให้ใจเราเบา
ข้าพเจ้าต้องทำเช่นไร
รู้เท่าทันมัน
พิจารณามันเช่นไร
โกรธก็คือโกรธ
แล้วทำอย่างไรจึงจะหายโกรธ
ดูที่ต้นเหตุ
แต่ก็ต้องยอมรับว่า
บางครั้ง ต้นเหตุของความเจ็บปวด
มันไม่ได้ถูกสะสางอย่างจริงจัง
มันเพียงแค่ถูกปิดบัง ถูกบิดเบือน
ด้วยคำพูดสวยหรู
ซึ่งก็ช่วยได้แค่ชั่วครู่ชั่วคราว
หรือแท้แล้ว ข้าพเจ้าอาจยังมีปม
มีเรื่องไม่เข้าใจ มีเรื่องไม่พอใจ
หรือมีเหตุการณ์บางอย่าง ไปสะกิด
ไปทับถม ไปเพิ่มเติมความรุนแรงให้บาดแผลนั้น
ถึงกระนั้น
ข้าพเจ้าก็คงไม่อาจจัดการทุกสิ่งอย่าง
หรือควบคุมใครได้ดังใจหวัง
เมื่อเปลี่ยนแปลงผู้อื่นไม่ได้
ก็จำต้องเปลี่ยนใจตัวเอง
ล้างที่ใจตัวเอง
ทำแผลด้วยตนเอง
เพราะแผลของเรา เราย่อมรู้ดีที่สุด
ว่าเจ็บแค่ไหน ลึกแค่ไหน สาหัสแค่ไหน
ใครก็ไม่อาจช่วยเราได้
หรือท้ายที่สุด
ข้าพเจ้าก็ควรเลือก
ที่จะตัดต้นเหตุของความเจ็บปวดเหล่านั้นออกไปเสีย
เมื่อถึงเวลาอันควร
เมื่อเปล่าประโยชน์ที่ต้องเดินบนเส้นทางอันรวดร้าวต่อไป
ข้าพเจ้าก็ควรหยุด
แล้วสะสางสิ่งตกค้างในใจ
เพราะแค่นี้
ก็น่าจะมากโขแล้ว
มันเป็นดั่งเส้นด้าย
ที่พันกันอย่างสลับซับซ้อน
และยากจะหาปมเจอ
บางที
ถ้าการแก้มันยากนัก
ก็จักได้เผามันให้หมดสิ้นไป
ทั้งก้อนนั่นแหละ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น