21 มี.ค. 2556

Three Hundreds No.4..เข้าใจธรรมะ ไม่ยาก



เมื่อวาน ไปเลือกซื้อหนังสือ

ตั้งใจว่าจะมอบเป็นของขวัญสำหรับใครบางคน

หยิบและเลือกด้วยความพิถีพิถันพอประมาณ

ได้มา 6 เล่ม

กลับมาถึงห้องพัก ก็เปิดอ่าน

ตามธรรมเนียมของข้าพเจ้าเอง

ที่หากว่า มีเวลาเหลืออยู่บ้าง

ก็จะอ่านมันเสียก่อน

เพื่อเป็นการประเมินในขั้นสุดท้ายว่า

หนังสือเล่มนั้น เหมาะที่จะมอบเป็นของขวัญ

แก่คนๆ นั้น หรือไม่

บางคนอาจมองว่า อ้าว ถ้างั้นก็เหมือนเป็นการให้ของมือสองแก่เขาน่ะสิ

ก็อาจจะใช่

เพียงแต่ในมุมของข้าพเจ้า

มีแค่ความรู้สึกที่ว่า

เราจะให้อะไรใคร ก็ต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์มาเสียก่อนว่า

ของนั้น เป็นของอันสมควรให้

เป็นของที่แม้ไม่ประเสริฐ ก็ควรสร้างประโยชน์อะไรให้แก่ผู้รับบ้าง

และถ้าจะให้ข้าพเจ้ากว้านซื้อหนังสือทั้งหมดมาอ่าน

แล้วกลับไปซื้อเล่มใหม่เพื่อมามอบเป็นของขวัญ

ข้าพเจ้าก็จนตายพอดี -*-


เล่มนี้ เป็นหนึ่งในเล่มที่ถูกเลือก




เหตุผลง่ายๆ ที่หยิบมา เพราะเป็นการ์ตูน

สำหรับผู้ที่ข้าพเจ้าจะมอบให้นี้

ข้าพเจ้าพยายามเลือก เล่มที่อ่านง่ายๆ

สนุกสนาน และเบาสมอง

จึงได้หยิบเล่มนี้มา

และต้องยอมรับตามตรงว่า เป็นเล่มที่เลือกโดยผ่านกระบวนการไตร่ตรอง น้อยที่สุด

เพราะฉะนั้น มันจึงเป็นเล่มแรก ที่ถูกเปิดพิสูจน์ความเหมาะสม



เข้าเรื่องเลย

ความจริงแล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่ใคร่ชอบใจนัก

กับการพิมพ์หนังสือธรรมะเพื่อจำหน่ายแสวงหาผลกำไร

ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง

ข้าพเจ้าก็เชื่อเสมอว่า ธรรมะไม่ใช่สมบัติของใครคนหนึ่ง

ไม่ใช่ของซึ่งสมควรนำมาเป็นวิถีทางแห่งความร่ำรวย

พระพุทธองค์ตรัสรู้สิ่งที่ยิ่งใหญ่

และมอบไว้เป็นมรดกแก่เหล่าสาวก โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

ครูบาอาจารย์ พระนักปฏิบัติที่ญาติโยมเคารพนับถือ

ข้าพเจ้าก็ยังไม่เห็นท่านใด รูปใด

พิมพ์หนังสือธรรมะ หรืออัดเสียงธรรมเทศนาลงแผ่นซีดี แล้วจำหน่ายเลยสักราย

มีแต่แจก มีแต่ให้กันฟรีๆ เท่านั้น

ส่วนใครใคร่ถวายปัจจัย ก็ตามแต่ศรัทธา

ปัจจัยที่ถวายไป ก็หาได้เข้ากระเป๋าส่วนตน

ก็ไปปรับปรุง ไปพัฒนา ไปทำประโยชน์ต่อๆ ไปนั่นเอง

อันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะพาดพิงถึงใคร

ข้าพเจ้าเพียงยกตัวอย่างสิ่งที่เห็นกันอย่างชัดเจน


ธรรมะแท้ ได้จากการปฏิบัติ

หาใช่นั่งเทียน เขียน อ่าน



ข้าพเจ้าเปิดอ่าน ตั้งแต่บทบรรณาธิการ ไปจนแนะนำประวัติผู้เขียน

อ่านทุกหน้า ทุกบรรทัด

บางครั้งก็รู้สึกว่า เออ ก็เข้าท่าดี

แต่นั่น เป็นแค่บางครั้ง และเป็นแค่ส่วนน้อย


เพราะเท่าที่เห็น สิ่งที่แสดงอย่างแจ่มชัดในหนังสือเล่มนี้

มีเพียงความมักง่าย

จริงอยู่ ที่หนังสือก็บอกตัวเองอย่างชัดเจนตั้งแต่หน้าปกไปยันปกหลังว่า

ธรรมะขั้นต้น เข้าใจง่าย

แต่นี่...







หาใช่ธรรมะขั้นต้น ที่เข้าใจง่าย

หากแต่เป็นการหยิบเอานั่นนู่นนี่มาแปะ

อธิบายไว้ราวกับหนังสือเรียนพระพุทธศาสนา

เล่มที่เราๆ เรียนกันมาตั้งแต่เด็ก

แต่ก็ไม่ช่วยให้สังคมดีขึ้นสักเท่าไหรนั่นแหละ

เราเพียงอ่าน เพียงรู้ บ้างก็ท่องจำ

แต่ไม่อาจเข้าใจได้ เพียงแค่ข้อความ 6-7 บรรทัดข้างต้น

เกร็ดอย่างนี้ อย่ามีเสียจะดีกว่า

ไม่เกิดสารัตถะอันใด หรือทำให้ผู้อ่านประเทืองปัญญาได้แม้เพียงสักนิด



นี่ยังไม่นับเรื่องเนื้อหาแต่ละบท ที่พร่ำสอน

สอนจริงๆ

ถามว่าดีไหม ก็อาจจะดี

ถามว่าเกิดประโยชน์ไหม

ส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าน้อย

เพราะการเรียบเรียงคำพูดนั้น

ไม่อาจกระแทก หรือแม้จะซึบซาบเข้าไปในอารมณ์ ในหัวใจของผู้อ่านได้เลย

หนำซ้ำ บางบท ยังก่อให้เกิดความฉงนโดยใช่เหตุ

เช่น




ผู้เขียนยกตัวอย่างดังข้างต้น กรณีที่เราตัดสินใจไม่ถูก ว่าจะซื้อของสักชิ้นดีไหม

บอกว่า หากซื้อมาแล้ว มันแตก มันหัก มันหาย หรือ สลายไป เราจะเสียดายไหม

ถ้าเสียดาย จะเอามาทำไม ให้เป็นห่วง เป็นทุกข์เพิ่มขึ้น


หรือหากซื้อมาแล้ว มันหายไป เราก็ไม่เสียดาย ไม่อาดูรกับมัน

เช่นนั้น มันจะมีความสำคัญถึงขนาดต้องไปเสียเงินซื้อมาทำไม

อ้าว??

แล้วตกลงว่า...

ถ้ามันสำคัญ ถ้ามันเป็นประโยชน์ ถ้าเป็นของที่ต้องใช้ ต้องซื้อ

มันหัก มันพัง เราก็ต้องเสียดายอยู่แล้วสิ

แต่เราไม่ควรซื้อมัน เพราะถ้ามันหายไป เราจะเป็นทุกข์เช่นนั้นหรือ

หรือถ้าเราจะไม่เสียดาย ก็ยิ่งไม่ต้องซื้อ เพราะมันไม่สำคัญอยู่แล้วตั้งแต่แรก?

เออ ดูเป็นตรรกะประหลาดๆ ชอบกล



ข้าพเจ้าสงสัยว่า

การจะเลือกซื้อของสักชิ้น ไม่ต้องใช้ความคิด ไม่ต้องเหตุผล ใช้ปัญญาพิจารณากันหรอกหรือ

เมื่อเห็นว่าสมควรต้องซื้อ ต้องใช้ ก็ซื้อมันมา ใช้ให้คุ้มค่า

หากว่ามันเสียหายไป นั่นก็เป็นเรื่องที่เราต้องจัดการกับอารมณ์ของตัวเองต่างหาก

ความทุกข์มันต้องมีบ้างอยู่แล้ว เมื่อเราสูญเสียอะไรสักอย่างไป

สิ่งสำคัญไม่ใช่อยู่ที่เราต้องไม่มีเจ้าสิ่งนั้น

แต่อยู่ที่เราจะกำจัดความทุกข์ หลังจากไม่มีมันอย่างไรมิใช่หรือ



สุดท้ายแล้ว

ถ้าคนๆ หนึ่ง ตัดสินใจไม่ซื้อของชิ้นนั้น ด้วยวิธีคิดดังข้างต้น

แล้วกิเลส แล้วความอยากที่มีในใจ จะหายไปได้หรือ

มันก็ยังอยากได้อยู่นั่นแหละ

เพราะไม่ได้ขจัดความอยากนั้นออกไปจริงๆ



อันที่จริง ข้าพเจ้าก็ไม่ได้บรรลุ ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ

หรือแม้กระทั่ง มิได้เป็นผู้มีปัญญาอะไรมากมาย

แต่เนื้อหานี้ มันทำร้ายหลักการคิดที่มุ่งกำจัดกิเลสที่ต้นเหตุมากเกินไป

มันเป็นการหลอกตัวเอง เป็นการสร้างอุบายให้ตัวเอง

ให้มืดบอด ให้มองไม่เห็น ว่าแท้แล้ว ควรคิด ควรมอง จากมุมไหน




อันนี้ยังไม่นับการพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ ในหลายๆ จุด

เช่น หิ่งยะโส (หยิ่งยะโส) 

หรือการใช้ ฯ สำหรับการยกตัวอย่าง (ฯ เขาเอาไว้ใช้ย่อคำ ถ้าจะปิดท้ายการยกตัวอย่าง ต้อง ฯลฯ)

และ เปิดมาหน้าแรกๆ กันเลยทีเดียว  ... "อุปสรรค์"




อันที่จริง จะตั้งหน้าตั้งตาตำหนิติเตียนเสียทั้งหมด

ก็ออกจะรุนแรงเกินไป

เนื้อหาดีๆ ก็มี

ถ้อยคำดีๆ ก็พอมีอยู่บ้าง

ทว่า มันเป็นถ้อยคำที่เขาใช้กันเยอะแล้ว

มีทั่วบ้านทั่วเมือง  แชร์กันใน Social network มาเป็นชาติแล้วนี่สิ




ข้าพเจ้าพยายามทำความเข้าใจเจตนารมณ์ของผู้เขียน

และพอจะนึกได้ว่า

แท้จริง ก็ไม่มีใครมีเจตนาร้าย

หรือประสงค์ไม่ดีต่อผู้ใด

เพียงแต่วิธีการที่ทำนี้

ข้าพเจ้าไม่ใคร่เห็นด้วยเท่าไรนัก

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น

และข้าพเจ้าได้เห็นแล้วดังนี้




ผู้เขียนเป็นนักวาดภาพประกอบอิสระที่พยายามศึกษาแก่นแท้ของศาสนาพุทธ

ข้าพเจ้าคิดว่า สิ่งแรกที่ผู้เขียนท่านนี้ควรทำ คือศึกษาวัตรปฏิบัติของครูบาอาจารย์

ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ  แล้วดำเนินรอยตาม

กับทั้ง ยุติการหากิน โดยใช้ธรรมะที่ไม่แท้ เป็นเครื่องมือเสียเถิด


หรือหากอยากเขียน

ก็ควรให้มีอะไร ที่สามารถทำตามข้อความบนโปรยปกได้จริงๆ

อย่างการเขียนให้คนอ่านเข้าใจง่ายเหมือนท่าน ว.

หรือการสื่อสารออกมาเป็นการ์ตูนดีๆ ที่ไม่ส่งๆ

อย่างเช่น หลวงพี่แตงโม

หากใครได้เคยอ่าน คงนึกถึงรอยยิ้ม และอากัปกิริยาการพยักหน้าอยู่เนืองๆ

หนังสือนั้น หรือการ์ตูนนั้น จึงจะได้ชื่อว่า เข้าใจ..ไม่ยาก จริงๆ











ทว่า..ธรรมะ ก็ยังเป็นของที่ไม่สมควรมีราคาอยู่ดี

เพราะธรรมะ มีคุณค่ามากเกินกว่าจะตีเป็นราคา แล้วขายกันตามท้องตลาด

ทั้งยังมิใช่สิ่งสร้างความมั่งคั่งให้แก่ผู้ใดอีกด้วย



ด้วยความเคารพ โดยส่วนตัว Strongly Disagree






2 ความคิดเห็น:

  1. โย่ว ดุเด็ดเผ็ดมันแท้ 555

    ตอบลบ
  2. เหรอ หึๆ อ่านมะคืนอ่ะ ใช้เวลาอ่านแค่ครึ่งชั่วโมง แต่อารมณ์ค้างและเสียดายตังค์ยันเย็นวันนี้อ่ะ 555 ต้องไปดูเล่มใหม่เรย มะกล้าเอาเล่มนี้ให้ใครละ เด๋วจะเอาไปบริจาค ใครใคร่อ่าน อ่าน เอิ้กๆ

    ตอบลบ