12 มี.ค. 2556

เป็นมะเหงกอะไรนักหนากับเสื้อผ้าหน้าผมของผู้อื่น



วันนี้ เป็นหนี่งในวันที่ค่อนข้างรู้สึกหงุดหงิด

แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต

กระทบต่อความเป็นไปของชีวิต

แต่ก็ก่อกวนอารมณ์มิใช่น้อย



ใครๆ ก็มักต้องการความั่นใจในตนเอง

ข้าพเจ้าเพิ่งเข้าใจอารมณ์แท้ๆ ของผู้หญิงก็วันนี้

เพราะเมื่อเช้า

กว่าจะออกจากห้องได้

แต่งตัว ทำผมให้ดูดี ทำหน้าให้ไม่โทรม

ฟาดไปครึ่งชั่วโมง

บางคนอาจจะบอกว่า

นี่ยังน้อยนะ

แต่สำหรับข้าพเจ้า

มันถือเป็นการเสียเวลาทำมาหาประโยชน์ค่อนข้างจะอย่างยิ่ง




มิหนำซ้ำ

ออกมาจากห้องแล้ว

แรกๆ ก็มั่นใจดี

มีคนทักหลายคน

เนื่องจากวันนี้ใส่กางเกง

ทั้งที่ทำงานมาเกือบจะสองปี ณ สถานที่ทำงานนี้

ยังไม่เคยใส่กางเกงเลยสักวัน

อย่างมากก็ใส่เลคกิ้งซ้อนข้างใน เวลาที่รู้สึกว่า เดรสที่ใส่ มันสั้นไปนิด





หลายคนทักว่าสวย แปลกตา

แต่ก็น่าโมโหตัวเอง

มีคนทักในแง่ดีตั้งหลายคน

พอมีคนทักในแง่ตรงข้าม

กลับเก็บมาคิดซะงั้น


เช่น

เมื่อวานยังสวยๆ อยู่เลย

วันนี้มาเป็นอาซิ้ม ยังกับเพิ่งมาจากแผ่นดินใหญ่ซะงั้น

-*-


นั่นไง

เล่นกรูซะแร้ว





อันที่จริง ต้องยอมรับตามตรงว่า

ข้าพเจ้าเป็นผู้หญิงที่ไม่เน้นแฟชั่น

(เน้นฟังค์ชั่นและความคุ้มค่า ว่างั้น)

เสื้อผ้าที่ใส่ทำงาน ณ ปัจจุบัน

ร้อยละ 60

คนรักเลือกและซื้อให้

อีกร้อยละ 20

แม่ซื้อให้

อีกร้อยละ 10

ยืมของเพื่อนมาใส่

หึๆ




ใส่ก็วนไปวนมา อยู่เท่านั้นล่ะ

เท่าที่มีอยู่พอดีกับตู้เสื้อผ้าไม่เล็กไม่ใหญ่

แต่ข้าพเจ้าก็ยังรู้สึกว่า

เสื้อมันเต็มตู้มากเกินไป

เพราะแขวนก็เต็มราว พับไว้อีกก็พูนขึ้นมา

ความจริง น่าจะแยกได้เป็นสองตู้ ถ้าเอามาแขวนเสียทั้งหมด

ทว่า ... ก็ยังไม่รู้จะใส่อะไรดี




ปัญหาที่ไม่น่าเป็นปัญหา

มีเสื้อผ้าเต็มตู้

แต่บอกว่า ไม่รู้จะใส่อะไร

ไม่มีเสื้อผ้าจะใส่



ความจริง ถ้าพูดเช่นนี้ มันไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงเราๆ

ไม่มีเสื้อผ้าในตู้หรอกนะ

มันหมายความว่า

ไม่มีที่มันเหมาะ ที่จะใส่ในวันนั้น

หรืออาจมีที่เหมาะ

แต่ไม่ชอบ ไม่อยากใส่ตัวนั้น ไม่อยากใส่สีนั้น




ถ้ามีชุดทำงานที่เป็นยูนิฟอร์มก็ดีไป

ตัดปัญหาการเลือกเสื้อผ้าไปได้เยอะ

แต่เมื่อไม่มี

ก็ต้องสละเวลามานั่งคิด ยืนคิด สำรวจตู้

เพื่อจะได้ก้าวออกจากห้องด้วยความมั่นใจ

เพราะเมื่อไหร่ที่ขาดความมั่นใจ

วันนั้น...โลกจะหม่น จะม้วน จะมึน จะหมองทันที




ข้าพเจ้าอยากได้ความมั่นใจ

แต่ไม่ใช่ความมั่นใจที่มาจากคำชมของคนอื่น

อยากได้ที่

แม้คนจะว่าเชย เฉิ่ม หรือ แรงไป แรดไป

ข้าพเจ้าก็ยังมั่นใจอยู่ดี




เมื่อวาน  ข้าพเจ้าใส่ชุดใหม่

ที่มีสไตล์แตกต่างไปจากที่เคยใส่มา

เป็นเสื้อเชิ้ตสีดำ และกระโปรงเอวสูงสีชาเย็น

ข้าพเจ้าไม่มั่นใจเลย

เพราะรู้สึกว่า เอวสูง มันทำให้ตัวข้าพเจ้า

ซึ่งเล็กๆ อยู่แล้ว

ดูสั้นๆ เข้าไปอีก

ทว่า

ใครๆ ก็ต่างชม

บ้างก็ทักว่า วันนี้มีนัดหรอ สวยเชียว แต่งหน้าด้วย

(ความจริงก็ทาแป้ง ปัดบรัชออนตามปกติ

แต่สงสัย ลืมเปิดไฟตอนปัด เลยปัดแก้มเข้มไปหน่อย

หน้าเลยไม่ซีดๆ เหมือนทุกวัน ฮ่าๆๆ)

ข้าพเจ้าแอบมีความมั่นใจขึ้นมานึดหน่อย

แต่ก็ต้องย้อนมาถามตัวเองว่า

นี่เรา เอาความมั่นใจในตัวเอง

ไปฝากไว้กับคนอื่นๆ ขนาดนี้เลยหรือ

หึๆ





ข้าพเจ้ายังนึกชื่นชมผู้หญิงหลายคน

ที่ไม่สูญเสียความมั่นใจ

ให้กับขี้ปากใครๆ ที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น




ความพอดี อยู่ที่ตัวเรา

เราอาจถ่อมตนให้กาละเทศะ

แต่ไม่จำต้องอ่อนน้อมให้ทัศนะใครต่อใครมากมาย

เป็นตัวของตัวเอง ตราบเท่าที่ตัวตนนั้น ไม่เบียดเบียนใคร

เท่านี้ ไม่พอหรือ





1 ความคิดเห็น: