11 มี.ค. 2556

Three Hundreds No.3..BE Magazine Vol.44




ข้าพเจ้าเป็นแฟนคลับของนิตยสาร BE Magazine ตั้งแต่สมัยเรียนปี 3 ปี 4

เนื่องจากไปเข้าค่าย Social Entrepreneur ซึ่งจัดโดย TK Park

ว่าด้วยการทำงานที่สามารถเลี้ยงชีพตัวเองได้

กับทั้งก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคม

ซึ่งในครั้งนั้น

คุณต้น อารันดร์ อาชาพิลาส

ผู้บริหารของ BE Magazine ได้รับเชิญให้มาเป็น Guess speaker

ร่วมกับพี่หนูหริ่ง แห่งมูลนิธิกระจกเงา




ค่ายนั้น เป็นอีกหนึ่งค่ายที่รู้สึกดี

รู้สึกไม่เสียเวลาเปล่า

และรู้สึกไม่อยากจากมา

เพราะหัวใจ สัมผัสได้ ถึงผู้มีความคิดดีๆ

ทั้งผู้ร่วมค่าย และพี่ๆ ผู้จัดค่าย

เป็นคนประเภทคล้ายๆ กัน

มีอุดมการณ์คล้ายๆ กัน

อยากทำอะไรๆ คล้ายๆ กัน

ได้ลงมือทำจริงหรือไม่ อันนี้ก็แล้วแต่คน

อย่างน้อย เราได้มาช่วยกันคิด

ว่าจะทำอะไรๆ คืนสู่สังคมได้บ้าง

ได้วางแผน ได้ทดลองร่างโครงการ

เพื่อระดมสมอง หาจุดบกพร่อง

หาทางแก้ไข

เติมแต่งความเข้มแข็ง

ให้โครงการนั้น สามารถทำได้จริง

และผู้ที่มาร่วมค่ายนี้

มีไม่น้อย

ที่กำลังทำโครงการของตัวเองอยู่





ข้าพเจ้าตามอ่านนิตยสารฉบับนี้

แต่จะซื้อ

เฉพาะกับผู้ขาย ที่เป็นคนในโครงการเท่านั้น

คนในโครงการของ BE Magazine

หมายถึง ผู้ด้อยโอกาส

ผู้พิการ Homeless หรือนักเรียนนักศึกษา

ที่ขาดแคลนรายได้

BE จะให้คนกลุ่มนี้ รับนิตยสารไปขาย

โดยจะให้ฟรีในครั้งแรก จำนวน 30 เล่ม

นำไปขายราคาเล่มละ 45 บาท

เมื่อขายได้หมด ก็จะได้เงินนั้น เป็นทุนตั้งต้น

จากนั้น

ก็สามารถนำเงินกลับมาซื้อนิตยสารไปขายได้

ในราคาเล่มละ 25 บาท

เท่ากับว่า

คนขาย จะได้กำไร เล่มละ 20 บาทเลยทีเดียว




ข้าพเจ้าชื่นชอบแนวคิดของการจัดทำนิตยสารแบบนี้

อีกทั้งเนื้อหาภายในก็ไม่ไร้สาระ

จะเน้นการทำประโยชน์

เน้นตัวอย่างผู้ทำความดีต่างๆ เพื่อสังคม

หรือผู้ที่มีเรื่องราวในชีวิตน่าสนใจ

น่าสงสาร น่าหดหู่ แต่พวกเขาก็ข้ามผ่านมันมาได้

เป็นหนังสือ สำหรับสร้างเสริมกำลังใจ

ให้คนท้อ

และเติมไฟแห่งการทำดี

ให้ใครหลายๆ คน




เมื่อก่อน ข้าพเจ้าไปแถวรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิตบ่อยๆ

ก็จะแวะซื้อ BE จากน้องผู้ชายคนหนึ่ง

เราค่อนข้างคุ้นหน้ากัน

เขาจะจำข้าพเจ้าได้หรือไม่ อันนี้ก็ไม่แน่ใจ

แต่ข้าพเจ้าจำเขาได้

แล้ววันหนึ่ง น้องเขาก็บอกว่า

"พี่ครับ ช่วงอาทิตย์หน้า ผมจะไม่ได้มาขายแล้ว

จะเป็นแม่ผมมาขายแทน พี่ช่วยซื้อด้วยนะครับ"

ข้าพเจ้าก็ตกใจ

"อ้าว น้องจะไปไหน"

น้องยิ้มๆ แล้วบอกข้าพเจ้าว่า เขาจะต้องเข้ารับการผ่าตัด

อะไรสักอย่าง

ข้าพเจ้าจำรายละเอียดไม่ได้ (ทั้งที่น้องเขาก็เล่าค่อนข้างเยอะ -_-")

แต่ข้าพเจ้าไม่เห็นความหดหู่ หรืออ่อนไหวในดวงตาคู่นั้น

ข้าพเจ้าเห็น....เพียงความหวัง..

ข้าพเจ้าก็รับปากน้องว่า ถ้าเจอแม่น้องมาขาย

ก็จะซื้อตามปกติ





แต่ .. ข้าพเจ้าก็ไม่ได้พบทั้งน้องและแม่ของน้อง




ด้วยความที่นานๆ ที

ข้าพเจ้าจะได้มีโอกาสซื้อ

ดังนั้น เมื่อเจอคนขายที

ก็จะซื้อหลายๆ เล่ม

ซื้อย้อนหลัง

ตามแต่เงินในกระเป๋าจะอำนวย

ข้าพเจ้าทราบว่า BE Magazine ก็มีวางขายบ้าง

ตามร้านหนังสือทั่วไป

แต่ก็ไม่ได้คิดจะซื้อ

ยินดีจะซื้อ Direct sale เสียมากกว่า




คราวนี้ ไปเจอแถวสีลม

กวาดมา 4 เล่ม

แต่เหลือไว้อ่านเพียง 2 เล่ม

เพราะให้พี่และเพื่อนที่ทำงาน ไป 2 เล่ม

อยากให้คนที่เรารู้สึกดีด้วย

ได้รู้จักอะไรๆ ที่เราคิดว่าดี




หนึ่งในเล่มที่เหลือ คือ




BE Magazine .. Ray Issue  Vol. 44  ปก "เร" แม๊คโดแนลด์

เข้าใจว่าเป็นเล่มล่าสุด ณ ตอนนี้

(11 มีนาคม 2556)

จากเท่าที่ติดตามใน facebook




โดยไม่อ้อมค้อม

พุ่งประเด็นไปที่เรื่องเนื่องจากปก

บทสัมภาษณ์คุณ "เร"

พาดหัว หรือยกคำพูด ค่อนข้างน่าอ่าน

ดึงดูด ให้อยากรู้ว่า เขาคุยอะไรกัน

แต่เมื่อเปิดอ่านจริงแล้ว

กลับรู้สึกว่า มันค่อนข้างกลวง

คือ

มันไม่แน่น

ทั้งที่เป็นแก่น เป็นจุดโฟกัส เป็นปกของเล่ม

กลับทำบทสัมภาษณ์ออกมา

ให้คนอ่าน รู้สึกไม่ได้ว่า อ่านจบแล้ว ได้อะไร

เหมือนคนถามก็ถามตามสคริปท์

คนตอบก็ตอบมึนๆ

คนถามไม่เจาะลึก เหมือนเปิดประเด็นทิ้งไว้

พอเขาตอบมา ก็ไม่ได้ซัด ไม่ได้ย้ำ

ไม่ได้เค้นความคิด หรือตัวตนของผู้ถูกสัมภาษณ์ออกมา

แต่ก็พอจะเข้าใจ

ว่าทำไมคุณเร ถึงตอบมึนๆ

เพราะเจอคำถามแรกเข้าไป

เป็นข้าพเจ้าก็คงตอบมึนๆ เช่นกัน

หรือไม่ ก็ขอเวลาสักอาทิตย์ พร้อมกระดาษ A4 สักปึกกลับไปนั่งทดที่บ้าน

คำถามเปิด มีว่า

"ตอนนี้ คุณเรมีความเชื่ออะไรอยู่บ้าง"

(ตรึง O_o!)




ถามว่าข้าพเจ้าเชี่ยวชาญมากไหม

ในบทบาทผู้สัมภาษณ์คนอื่น

ข้าพเจ้าก็ตอบตามตรงว่า ไม่

ทว่า ครั้งนี้ ข้าพเจ้าพูด

ในฐานะ คนอ่าน

ที่พยายามอ่านด้วยสติ ขบคิดด้วยปัญญา

แต่พยายามแล้ว ก็ยังรู้สึกว่า

เนื้อหาอ่อนไป




เทียบกับบทสัมภาษณ์อื่นๆ

ภายในเล่มเดียวกัน

ที่มีเนื้อที่เพียงคนละหน้า

บางบทสัมภาษณ์ ยังทำให้รู้สึกประทับใจ

ได้มากกว่า 4 หน้าของคุณเร เสียอีก




ข้าพเจ้าชอบบทสัมภาษณ์

"Living legends" ว่าด้วยมุมมองของคุณเวียง วชิระ บัวสนธ์ บรรณาธิการสำนักพิมพ์สามัญชน

"Story of Yesterday" ว่าด้วยกำลังใจของ Miss Wheelchair Thailand 2012

และ "จอมพรานแห่งกุยบุรี" ว่าด้วย ความรักของ "ลุงใจ" ที่มีต่อผืนป่าอุดมสมบูรณ์




และ

ข้าพเจ้าชอบ Think BE อันนี้



อ่านแล้ว..จุกๆ จี๊ดๆ ยังไงชอบกล













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น