โดยส่วนตัว
ข้าพเจ้าเรียนจบระดับอุดมศึกษา
แต่ไม่เคยได้สัมผัสพิธีรับปริญญา
ด้วยตนเอง
ใบปริญญาบัตรของข้าพเจ้า ถูกส่งไปที่บ้าน โดยทางไปรษณีย์
หลายคนถามว่าทำไมไม่เข้าพิธี
ก็จะตอบสั้นๆ เหมือนๆ กันทุกครั้งว่า
"ไม่ชอบความวุ่นวาย และ เปลืองเงิน"
โดนญาติต่อว่า
เพราะหลายคนอยากมา
ลูกหลานอุตส่าห์ได้เกียรตินิยม
ใครๆ ก็อยากชื่นชม
ข้าพเจ้าได้แต่ยิ้มแห้งๆ รับคำต่อว่าเหล่านั้น
ทว่า ในบรรดามวลญาติ
ไม่มีปฏิกิริยาใด กระทบใจได้มากเท่า
คำพูดและน้ำเสียงของแม่เมื่อรับรู้ว่า
ลูกสาวจะไม่เข้าพิธีรับปริญญา
แม่ไม่ว่า
แม่ตามใจ
แต่ข้าพเจ้ารับรู้ได้ว่าแม่..เสียดายและแอบเสียใจ
ข้าพเจ้าจึงตั้งเป้าหมายใหม่ในชีวิต
เพิ่มอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องทำเข้าไป
คือ เรียน (อะไรสักอย่าง)ให้สำเร็จ เพื่อให้แม่มางานอันน่าภาคภูมินี้
ในสักวัน..
แต่แม้ไม่เข้าพิธีด้วยตนเองในช่วงขีวิตการศึกษาปริญญาตรี
ก็ใช่ว่าจะไม่เคยสัมผัสความวุ่นวายเหล่านั้น
ข้าพเจ้าไปเป็นช่างภาพ (มือใหม่)
ให้เพื่อนรัก
ณ ตอนนั้น
เพิ่งจับกล้องได้ใหม่ๆ
ยังถ่ายแบบมึนๆ
โฟกัสได้บ้าง เบลอๆ บ้าง
แต่ก็พยายามหัด เรียนรู้ และทำความเข้าใจกับกล้องให้มากที่สุด
เพื่อวันนั้น จะได้ทำได้ดีที่สุด
อาจไม่มีโอกาสทำเพื่อเพื่อนรักหลายครั้งนัก
ก็ต้องทำให้ดี
เหนื่อยนะ
แม้ไม่เท่าตัวบัณฑิตที่ต้องตื่นตั้งแต่ 3 ตี 4
แต่งหน้าทำผม (ซึ่งข้าพเจ้าก็ต้องไปนอนเฝ้าที่ร้านเสริมสวย)
เดินๆ นั่งๆ แดดร้อนๆ ใส่ครุยหนาๆ
แต่ก็ต้องเป็นคนถือกระเป๋า
เฝ้าของ
นั่งรอครึ่งค่อนวัน
ตอนนั้น นึกสภาพไม่ออกเลยว่า
ถ้าพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ขนกันมา
จะวุ่นวายและลำบากแค่ไหน
แต่ในเมื่อหลายคนมองข้ามความลำบาก
เพื่อแลกกับช่วงเวลาแห่งความปลื้มปิติ
มันก็น่าจะคุ้มนะ
อย่างน้อย ข้าพเจ้าก็รับรู้และสัมผัสได้บ้างว่า
วันที่เราเป็นบัณฑิตสวมชุดครุย
มันจะเป็นวันที่เราเป็นคนพิเศษ
และเป็นวันที่เราได้เติมเต็มความฝันของใครบางคน
โดยไม่รู้ตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น