ยามเมื่อเราทำผิด
ตั้งแต่เล็กจนโต
เราได้ใครคอยให้อภัย
คอยแก้ปัญหา
ตามเช็ดตามล้าง
ให้เราสามารถผ่านพ้นความรับผิดนั้นมาได้
ยามเมื่อเราพลาด
ใครที่คอยพยุง
ชี้ทางเดินใหม่
ให้เราเริ่มต้นอีกครั้งได้เสมอ
ใช่ว่ามีแต่เราที่ผิดได้พลาดได้
ใช่ว่ามีแต่เด็กหรือผู้น้อยที่สมควรได้รับการอภัย
แท้แล้ว
เราสามารถทำผิดกันได้เสมอ
และสามารถก้าวพลาดได้ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะอาบน้ำร้อนมาสักกี่น้ำ
ก็ใช่ว่าในชีวิตที่เหลือ จะไม่โดนน้ำเดือดๆ ลวกเอา
ในฐานะผู้น้อย
ในฐานะคนที่เคยได้รับการอุ้มชูมาก่อน
ยามเมื่อเราเติบโตขึ้น
แข็งแรงพอที่จะดูแลตัวเอง
และปกป้องผู้อื่น (ได้บ้างแล้ว)
เราย่อมมีหน้าที่..ตอบแทน
คนแรกที่เคยดูแลเรา
คนแรกที่ให้ข้าวให้น้ำ
คนแรกที่ต้องมาก่อน..ตัวเราเอง
คนที่..ถ้าไม่มีเขา
เราก็ไม่อาจมีวันนี้
ก่อนที่จะประคบประหงมและตอบสนองกิเลสของตนเอง
ก็จำเป็นที่จะต้องชำเลืองมองเสียก่อน
ว่าคนเหล่านั้น
อยู่ดีมีสุข เพียงพอแล้วหรือยัง
เขายังเหนื่อยอยู่ไหม
เขายังทุกข์กับสิ่งใดอยู่หรือเปล่า
เขายังอยากได้อะไรเพิ่มเติม
หรือเขายังรู้สึกว่าขาดอะไรไป
และยิ่งจำเป็น
ที่จะต้องคอยเพ่งมอง
และป้องกันมิให้คนเหล่านั้นทำผิดทำพลาด
ให้เกิดความเสียหายแก่ตนเอง
หรือถ้าป้องกันไม่ได้
ก็ต้องช่วยแก้ไข
เรามิอาจปล่อยวางได้
เมื่อผู้มีพระคุณเห็นผิดหรือก้าวพลาด
ต่อให้ปีกเรายังไม่กล้า ขาเรายังไม่แข็ง
ก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่
ที่จะฉุดรั้งเขาเหล่านั้นให้ออกมาจากวังวนที่ไม่ดี
พวกเขาอยู่เหนือสถานะอื่นใดที่เราสามารถตัดความสัมพันธ์ได้
พวกเขาคือส่วนหนึ่งในจิตวิญญาณของเรา
เราจึงมีหน้าที่ ดูแล ปกป้อง พวกเขา
ทั้งทางกายและทางใจ
ดุจดังเราปฏิบัติต่อตนเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น