28 พ.ย. 2555

หรือเพราะมัวเมา อาฆาตแค้น

เมื่อนานมาแล้ว

ข้าพเจ้าเคยโกรธ

เพราะถ้อยคำ ประโยค บางอย่าง

จำเนื้อความไม่ใคร่ได้ชัดเจน

แต่ใจความสำคัญคือ

การดูถูกสถาบันการศึกษาที่ข้าพเจ้าจบมา

ความจริง อาจไม่ใช่การดูถูก หรือก่นด่า สถาบัน

แต่เป็นการเหมารวม คนที่เรียนที่นั่นว่าไม่ดี เสียมากกว่า


แม้ข้าพเจ้าจะไม่ได้คลั่งหรือยึดติดในสถาบันมากมาย

แต่มันก็สะเทือนใจและอดรู้สึกแย่

อดโกรธแค้นไม่ได้

อาจเพราะถ้าว่ากันตามกฎคณิตศาสตร์



ข้าพเจ้าเป็นเด็กใน มหาวิทยาลัย ก

เด็กที่เรียนอยู่ที่ มหาวิทยาลัย ก เป็นคนไม่ดี

ผลสรุปคือ ข้าพเจ้าเป็นคนไม่ดี

อันนี้ไม่ได้ว่ากันถึงส่วนทั้งหมดหรือบางส่วน

หรือเงื่อนไขเพิ่มเติมอื่นๆ

ว่ากันตามประโยคที่คนๆ นั้นพ่นมาออกมาล้วนๆ



เรื่องของเรื่องก็คือ

เขาอาจกำลังปกป้องรุ่นน้องจากสถาบันเดียวกัน

หรือเขาอาจรู้สึกดีต่อผู้หญิงคนนั้น

หรือเขาอาจเอ็นดู สงสาร เห็นใจ หรืออะไรก็ตามแต่

เมื่อข้าพเจ้าออกความเห็นว่า

คนนั้นไม่ดี

ข้าพเจ้าจึงโดนกลับมาว่า

ที่ไม่ดี คือ เด็กจากมหาวิทยาลัย ก ต่างหาก

นั่นไง




เรื่องของเรื่องก็คือ

เรากำลังถกเถียงกันว่า

การที่พี่ชายเอาเปรียบคนอื่น

แล้วน้องสาวเออออ

ไม่หือ ไม่ขัด

น้องสาวจะถือว่าเป็นคนไม่ดี ด้วยหรือไม่



หลักการคิดของข้าพเจ้าคือ

น้องสาวไม่หือ ไม่ขัด ไม่แย้ง

อาจเพราะอ่อนแอ

อาจเพราะเกรงใจพี่ชาย

อาจเพราะอ่อนต่อโลก

แต่อย่างไรก็ตาม

การที่พี่ชายเอาเปรียบผู้อื่น

การเอาเปรียบนั้น คือสิ่งที่ผู้เป็นพี่ มุ่งหวังให้เกิดประโยชน์แก่น้องสาว

ย่อมหมายความว่า

สุดท้ายแล้ว คนที่ได้ประโยชน์ก็คือ ทั้งพี่ทั้งน้อง



ด้วยเหตุนี้

ถ้ามีสามัญสำนึกมากพอ

พอที่จะรู้ผิดรู้ชอบ

ก็ต้องเอ่ยปากบอกพี่ชาย

หรือทำอะไรบ้าง

ไม่ใช่ปล่อยให้พี่ทำบาปทำกรรมไป

แล้วตัวเองก็ทำหน้าอินโนเซ้นท์

ไม่รู้เรื่อง

หรือจะบอกว่า ไม่รู้...ที่พี่ตัวเองทำน่ะ มันผิด



ถ้าเป็นเรื่องของนาย ข ทะเลาะกับนาย ค

แล้วนาย ง ที่ไม่ได้เป็นห่าเหวอะไรกับทั้งนาย ข และ นาย ค เดินผ่านมา

นาย ง ไม่เข้าไปห้าม ไม่ยุ่ง

แม้สุดท้าย นาย ข กับนาย ค จะฆ่ากันตาย

นาย ง ก็หาใช่คนผิดไม่



แต่นี่ไม่ใช่นาย ง

หรือเป็นนาย ง แต่ข้อเท็จจริงเปลี่ยนเป็นว่า

นาย ง เป็นญาติสนิทกับนาย ข

และนาย ข กำลังทะเลาะกับนาย ค ว่าด้วยเรื่องผลประโยชน์

ของนาย ง

เมื่อเห็นว่าสิ่งที่นาย ข กำลังเรียกร้องจะเอา

ไม่เป็นสิ่งถูกต้องชอบธรรม

และเมื่อนาย ข กำลังหน้ามืดตามัว

ความโลภบังตา

นาย ง ผู้มีส่วนได้เสีย

หากไม่โลภหรือหลงมัวเมาไปด้วยกัน

ก็ต้องหักห้ามญาติของตน

เพราะมิฉะนั้นแล้ว

ทรัพย์สินที่ได้มา ของที่เบียดเบียนผู้อื่นมา

คนที่ใช้ คนที่ได้ประโยชน์ก็คือ นาย ง

ถ้านาย ง เป็นคนดีพอ

จะไม่กระอักกระอ่วนใจเชียวหรือ

ที่รับของอันไม่สมควรได้

ไปไว้เป็นของๆ ตน

ทั้งหมดนี่ คือ เหตุผลของข้าพเจ้า




เปรียบเทียบไปแล้ว ก็คล้ายๆ กับรับของโจร

ไม่ได้ร่วมปล้นเขา ฆ่าเขา เอาของๆ เขา

แค่รับเอาต่อมาเท่านั้น

ทำไมจึงผิด

นี่แค่รู้หรือควรจะรู้ว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิด

คนรับยังต้องกลายเป็นคนผิดไปด้วย


นับประสาอะไร กับคนที่อยู่ร่วมหัวจมท้าย

ตั้งแต่ตอนเตรียมปล้น ตอนขณะปล้น จนถึงตอนปล้นสำเร็จ




ข้อกล่าวอ้างข้างต้น ไม่น่าจะมีจุดไหนเชื่อมโยง

ไปถึงเรื่องสถาบันได้เลย

แต่กลับกลายเป็นว่า

สิ่งที่ข้าพเจ้าจำได้ชัดเจนที่สุดในช่วงเวลานั้นว่าด้วยเรื่องนี้

คือประโยคที่คนๆ นั้น ด่าทอข้าพเจ้า

ผ่านการเป็นส่วนหนึ่งของสถาบัน




เรื่องมันนานมาแล้ว

หากแต่เมื่อมีสิ่งใดไปสะกิด

ก็ยังคงกลับมาชัดเจน

อาจเพราะข้าพเจ้ามัวเมาเสียเอง

หรืออาจเพราะข้าพเจ้าเป็นเจ้าคิดเจ้าแค้น

และอาจเพราะข้าพเจ้าเป็นคนไม่ดี

ดังเช่นที่เขาตัดสินมา



แท้ที่จริง

ข้าพเจ้าไม่สมควรยุ่งเกี่ยวกับใครเลย

ที่ไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องในชีวิตของข้าพเจ้า

หรือเป็นผู้เกี่ยวข้องในชีวิต

แต่ไม่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำรงชีวิต


อาจเพราะเรื่องของผู้อื่น

ข้าพเจ้าไม่ควรเอาตัวเข้าไปมีส่วนร่วม

กรรมใครกรรมมัน

หลายครั้งแล้ว ไม่จดไม่จำเสียที

สงบปาก สงบคำ และสงบความคิดเสียเถิด

แพรวาผู้โง่เขลาเอ๋ย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น