วันนี้ บังเอิญได้เข้าไปอ่านบล็อกของผู้ชายคนหนึ่ง
ซึ่งเขียนถึงภรรยาของตัวเอง
ว่าอะไรที่ทำให้เขารักภรรยาได้มากขนาดนั้น
เขาบรรยายมาหลายอย่าง
ซึ่งแน่นอน ทั้งหมดนั้นก็คือข้อดี
ที่มีอยู่ในตัวผู้หญิงคนหนึ่ง
และเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ
ให้ผู้ชายไปไหนไม่ได้
ให้ผู้ชายดิ้นไม่หลุด และเททั้งใจให้เธอเดียว
เปล่านะ
ข้าพเจ้าไม่ได้กำลังจะเลียนแบบพฤติกรรมของผู้หญิงคนนั้น
เพราะแน่นอน ข้าพเจ้าเป็นอย่างนั้นไม่ได้หรอก
ต่างคน ต่างนิสัย ต่างมุมมอง
แต่อย่างน้อย
บทความของผู้ชายคนนั้น
ก็ทำให้ข้าพเจ้าตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
เออเนอะ
ในบล็อกข้าพเจ้านี้
มีที่ก่นด่า น้อยใจ ทะเลาะกับคนรักในหลายๆ ครั้ง
มีข้อเสียของเขาตั้งหลายอย่างที่เก็บมาเป็นประเด็น
เก็บมาใส่ใจ
ในขณะที่ข้อดีนั้น แทบไม่ได้พูดถึงเลย (แป่ว)
มันดูไม่ยุติธรรมเสียนี่กระไร
และมันก็ดูพิลึก
ที่ปากก็บอกปาวๆ ว่าเขาไม่ดี
แต่ก็ไม่ยอมเลิกไป
ทั้งที่ความจริง
สิ่งที่ทำให้เราไม่รักใครสักคน
ก็เพราะความดีของเขาคนนั้น
น่าแปลก ที่เรามักจะคิด และพูดถึงข้อเสียได้มากกว่า
และเสียงดังกว่า การพูดถึงข้อดีที่มีอยู่มากมาย
ทำไมข้าพเจ้าจึงรักคนรัก
ทำไมรักครั้งนี้จึงยาวนานกว่าครั้งไหนๆ
และไม่มีทีท่าว่าจะมีวันเลิกราได้ง่ายๆ
ทำไมโกรธกันแทบตาย
สุดท้ายก็ยังกอดกันได้เหมือนเดิม
ทำไมเจ็บปวดแทบแย่ ก็ยังยอมแพ้ และยังยืนอยู่ที่เดิม
เพราะความดี...ที่มีมากกว่าความร้ายกาจ
ความดีที่ไม่ค่อยได้พูดถึง หรือนึกถึงมันอย่างจริงๆ จังๆ
ข้าพเจ้ารักพี่อาร์ตี้
เพราะ
1. เขาเป็นคนฉลาด ข้าพเจ้าชอบคนฉลาด คนที่เข้าใจอะไรๆ ตามความเป็นจริง
คนที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นมากเกินไป
คนที่ยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง
ข้าพเจ้าชอบฟังเขาพูด พูดอะไรๆ มากมาย
เล่าเรื่องราวสนุกๆ ที่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้ ไม่เคยได้ฟังมาจากที่ไหน
และหลายๆ ครั้งก็ทึ่งว่า
คนรักของข้าพเจ้าเก่งเกินไปแล้วหรือเปล่า
รู้มากเกินไปแล้วหรือเปล่า
เพราะบางที ยิ่งเขาฉลาดมากเท่าไหร่ ข้าพเจ้าก็แอบคิดว่า ตัวเองโง่มากขึ้นเท่านั้น (เอิ้กๆ)
ข้าพเจ้าเชื่อในตัวเขา เชื่อในการตัดสินใจของเขา
เขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ข้าพเจ้าวางใจ
แน่นอน เขามีข้อผิดพลาด
มีก้าวที่ไม่สมบูรณ์ มีล้มลุกคลุกคลานในบางจังหวะของชีวิต
มันก็เป็นเรื่องธรรมดานี่
ข้าพเจ้าเชื่อเสมอว่าเราจะผ่านพ้นมันไปได้
ถ้าถามหาความมั่นคง
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่แสวงหา
ข้าพเจ้าได้จากเขาไม่เคยหมด
ไม่ได้หมายความว่าปัจจุบันเขาร่ำรวยมากมาย
แต่หมายความว่า คนอย่างเขาจะไม่มีวันยากจน
คนที่ขยันและมีความคิด
ไม่เหยาะแหยะ ไม่เป็นลูกแหง่ ไม่หวังยืมจมูกคนอื่นหายใจ
ยังไงๆ ก็ต้องมีวันที่ประสบความสำเร็จ
ช้าหรือเร็ว ก็ว่ากันอีกที
ข้าพเจ้าไม่นิยมลูกคนรวย
ที่ได้แต่แบมือขอเงินพ่อแม่ไปวันๆ
ไม่ชอบผู้ชายที่ขอความช่วยเหลือจากข้าพเจ้า
โดยไม่ตั้งใจไขว่คว้าทำด้วยตนเองก่อน
ผู้ชายที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่า "โง่" และ "อ่อนแอ" กว่า
อย่าเอามาเป็นผู้นำครอบครัวเลย
หัวใจข้าพเจ้าบอกเช่นนั้น
2. พี่อาร์ตี้อดทนในความร้ายกาจของอารมณ์ข้าพเจ้าได้อย่างนิ่มนวล
ยามเมื่อข้าพเจ้าโวยวาย
หรือมีผีห่าซาตานเข้าสิง
เขาจะรอ
รออย่างสงบ
ให้ข้าพเจ้ากลับมาเป็นคนเดิม
หากข้าพเจ้าร้องไห้มากๆ สะอึกสะอื้น
เขาจะกอดข้าพเจ้าไว้
ไม่มีคำพูดใดๆ
หากข้าพเจ้าอัดอั้นตันใจ
เขาจะปล่อยให้ข้าพเจ้าระบายความเคียดแค้น
ให้ข้าพเจ้าด่าทออะไรๆ รวมถึงตัวเขา
เขาจะไม่เถียง ไม่ตอกกลับด้วยความรุนแรง
เขาอ่อนโยนเสมอ ในยามที่ข้าพเจ้าก้าวร้าว
หรือหากข้าพเจ้าไม่หยุดก้าวร้าวเสียที
เขาก็จะนิ่ง
จะงดการใกล้ชิด
จะให้ข้าพเจ้าอยู่ลำพัง
ใช่...ข้าพเจ้าจะยิ่งเจ็บปวด
จะยิ่งโวยวาย
และกล่าวหาว่าเขาไม่สนใจ ไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนรัก
ปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นทุกข์อยู่เพียงลำพัง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป
ก็เป็นข้าพเจ้าเองที่ต้องทำให้เขากลับมาเหมือนเดิม
เขาเลือกที่จะให้ข้าพเจ้าเรียนรู้การจัดการกับอารมณ์
และเอาชนะผีบ้าที่สิงอยู่ในจิตวิญญาณของตัวเอง...ด้วยตัวเอง
ข้าพเจ้าสงสัยหลายครั้ง
ว่าเขาแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าพเจ้าจะกลับมา
เขามั่นใจแค่ไหนว่าข้าพเจ้าจะไม่ยิ่งเตลิดไปไกล
เขารู้ได้ยังไงว่าข้าพเจ้าจะคิดและสำนึกอะไรๆ ได้ด้วยตนเอง
ข้าพเจ้าต้องขอบคุณเขา
ที่ให้อภัยเด็กร้ายๆ คนนี้ได้เสมอ
และยังโอบกอดอย่างอ่อนโยน
แม้ว่าเด็กนั้นจะดิ้นพราดๆ จิกกัดตบตีให้เขาต้องเจ็บปวดก็ตาม
3. พี่อาร์ตี้เป็นคนโรแมนติก
หึหึ เขียนอย่างนี้
อย่านึกว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่มอบกุหลาบหรือดอกลิลลี่ให้ข้าพเจ้าเสมอๆ นะ
(สักดอกยังไม่เคยมีเลย พูดจริงๆ)
แต่เขาเป็นคนที่สามารถทำให้วันพิเศษของข้าพเจ้า
เป็นที่พิเศษยิ่งๆ ขึ้นอีก
วันเกิดของข้าพเจ้าเมื่อปีที่แล้ว
เขาทำสมุดภาพให้เป็นของขวัญ
เป็นรวมภาพถ่ายของข้าพเจ้าและเขา
123 รูปคู่
4 รูปเดี่ยว
123 รูปนั้น เป็นรูปของข้าพเจ้า ในอิริยาบถที่ทั้งตลก และตลกมาก
ประกอบกับคำบรรยายที่ยิ่งทำให้อมยิ้มได้ตลอดเวลา
ส่วนอีก 4 รูป เป็นรูปคู่ที่เราเคยถ่ายด้วยกัน
ฮั่นแน่ งงล่ะสิ
123 เป็นรูปคู่ ทั้งที่ในรูปมีเพียงข้าพเจ้าคนเดียว
ก็เพราะ ทุกรูปนั้น พี่อาร์ตี้เป็นคนถ่าย
ทุกรูปที่ถ่ายข้าพเจ้า จึงมีพี่อาร์ตี้อยู่ด้วยเสมอ
มันจึงเป็นรูปคู่
ส่วน 4 รูปที่มีเราสองคน แต่เป็นรูปเดี่ยว
ก็เพราะเราสองคน เป็นเหมือนคนๆ เดียวกัน
นั่น....
ใครไม่เคลิ้มก็บ้าแล้ว :)
และ
เขาบอกรักข้าพเจ้าบ่อยกว่าที่ข้าพเจ้าบอกรักเขา
บอกโดยที่ข้าพเจ้าไม่เคยเอ่ยถาม
4. เขาดูแลข้าพเจ้า
ดูแลอย่างดี เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้
เขาผ่าฟันคุดให้ข้าพเจ้าทั้ง 4 ซี่
และตื่นแต่เช้าเพื่อทำข้าวต้มให้ข้าพเจ้ากิน
เขาทำอาหารอร่อยนะ
แต่นานๆ จะได้กิน
การทำอาหารเป็นกิจวัตร คงไม่ใช่แนวเราเท่าไหร่ ฮ่าๆ
เขาพาข้าพเจ้าไปที่ๆ เขาเคยไป
ที่ๆ เขาเคยอยู่
ที่ๆ เขาคิดว่าดี
เราเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกัน
ช่วงหนึ่งของชีวิต
เราเดินทางมากกว่าอยู่กับที่เสียอีก
เราเดินทางด้วยกันมาเนิ่นนาน
และจะไปด้วยกันอีกแสนไกล
เขาเลือกและซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ให้ข้าพเจ้า
รสนิยมเขาดีนะ
ชุดที่เขาเลือก มีแต่คนชม
จนปัจจุบันนี้
ข้าพเจ้าติดนิสัย
จะใส่ชุดไหน จะซื้อชุดยังไง ต้องถามเขาก่อน
เป็นแฟชั่นนิสต์ส่วนตัวไปแล้ว ฮ่าๆ
เขาไปส่งข้าพเจ้าสอบเนติทุกครั้ง
(ผ่านมาแล้ว 3 ขา)
การไปส่งนั้น ไม่ใช่ไปส่ง แล้วไปรับกลับ
เขาซื้อเสื้อคิตตี้ เสื้อคลุมไหมพรม และเข็มขัดกีลาโรช
เพื่อให้ข้าพเจ้าใส่เข้าห้องสอบ
เขาพาไปซื้อหนังสือเพื่ออ่านสอบ
ขาแรกนั้น ข้าพเจ้าเครียดมาก เพราะจนถึงคืนวันก่อนสอบ
หนังสือที่ซื้อมา ดันไม่มีเนื้อหาวิชาพิเศษที่ต้องสอบด้วย
เขาพาข้าพเจ้าไปตระเวนร้านหนังสือ
และเลือกให้เล่มหนึ่ง
ซึ่งเล่มนั้น ทำให้ข้าพเจ้าทำข้อสอบวิชาพิเศษได้ (บ้าง)
เขาพาข้าพเจ้าไปสถานที่สอบ
ส่งข้าพเจ้าเข้าห้องสอบ
นั่งรอ
รอจนข้าพเจ้าสอบเสร็จ
(ใช้เวลาสอบ 4 ชั่วโมง)
เขาอ่านหนังสือ หรือทำอะไรๆ ฆ่าเวลา
เพื่อรอข้าพเจ้า
สอบเสร็จ
เขาพาข้าพเจ้าไปกินอาหารอร่อยๆ
ถามเรื่องข้อสอบ
พูดคุยเพื่อคลายเครียด
เป็นอย่างนี้ทั้ง 3 ครั้งของการสอบที่ผ่านมา
หากว่าข้าพเจ้าจะสามารถผ่านเนติฯ ได้ฉลุยโดยไม่ตกสักขา
ความดีความชอบครึ่งหนึ่ง
ก็คงต้องยกให้เขา
ฯลฯ
(ยาวละ วันหลังค่อยเล่าต่อละกัน ฮี่ๆ)
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้
ก็แค่อยากเตือนตัวเองไว้ว่า
หนึ่งในวิธีรักษาความหวานของความรัก
ให้คงอยู่นานๆ
ก็คือ
อย่าลืมความดีที่คนรักของเรามี
อย่าให้การทำดีเป็นร้อยครั้ง พ่ายแพ้ความผิดพลาดเพียงไม่กี่ครั้ง
มันไม่แฟร์
ด้วยรัก
แพรวา
รักแกะนะ :P
ตอบลบ