30 มี.ค. 2557

จดจำช่วงเวลานี้เอาไว้...

ความเหนื่อย ความล้า การประดังประดาเข้ามาของปัญหามากมาย

เป็นเรื่องปกติของชีวิต

ชีวิตที่ไม่มีปัญหา ไม่มีอุปสรรค

ไม่มีความยากลำบาก ไม่มีความทุกข์

จะหาได้ที่ไหน

เมื่อมนุษย์เกิดมาบนโลกใบนี้

ต่างก็มาพร้อมกับความยากลำบากกันอยู่แล้ว

ทุกผู้ทุกคน

มากบ้างน้อยบ้าง นั่นว่ากันอีกที

และเราต่างก็มีปฏิกิริยาที่แสดงออกมายามเมื่อเจอปัญหาแตกต่างกันไป

นั่นก็เรื่องของใครของมันอีกเช่นกัน




เวลานี้ ข้าพเจ้าอาจเจอปัญหา

เจออุปสรรคมากมายดาหน้าเข้ามาให้จัดการ

มันอาจเป็นปัญหา หรือไม่เป็นปัญหา

อาจเป็นเพียงบททดสอบ

เป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่ต้องจัดการไป

ข้าพเจ้าอาจจริงจังกับทุกสิ่งทุกอย่างมากเกินไป

จนเผลอไปยกระดับให้มัน

จากเรื่องธรรมดาๆ ก็กลายเป็นปัญหาระดับชีวิตได้

นั่นมันก็ยากเหมือนกัน

ที่จะมีสติรับรู้เท่าทันมันตลอดเวลา

ข้าพเจ้าเป็นเพียงคนธรรมดา





ปัญหาที่กำลังเผชิญ 

อาจเป็นของข้าพเจ้าเอง หรือของคนอื่น

แต่ก็นั่นแหละ

เรียกว่าคนอื่นก็ไม่ได้อยู่ดี

คนที่ข้าพเจ้ารัก ไม่เคยถือว่าเป็นคนอื่น

มันเป็นความปกติมากๆ

ที่เมื่อรักใคร

ก็ต้องอยากปกป้องเขา

อยากทำให้เขามีความสุข

อยากฝ่าฟันปัญหาไปกับเขา

ร่วมสุข ร่วมทุกข์ ร่วมเรียงเคียงบ่า

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าพเจ้าจะยิ้ม จะมีความสุข

ยามเมื่อคนที่รักกำลังเผชิญกับความยุ่งยาก




กระนั้น บางครั้ง มันก็เป็นความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้น

เพื่อไม่ให้ความหนักหนา ยิ่งหนา ยิ่งหนักมากขึ้น

ข้าพเจ้าอาจจำเป็นต้องเข้มแข็ง

อาจจำเป็นต้องทำเสียงใสๆ ต้องแสร้งหัวเราะบ้าง

ยามเมื่อคุยโทรศัพท์กับคนที่กำลังท้อแท้ กำลังเหงาอย่างร้ายกาจ

กำลังเศร้าอย่างเหลืออดเหลือทน

หากข้าพเจ้าเศร้าไปด้วย

ก็คงหมดกัน

แล้วเมื่อวางโทรศัพท์

จะวิ่งไปร้องไห้อย่างบ้าคลั่งในห้องน้ำ

หรือสะอึกสะอื้นตัวโยนเพียงลำพัง

นั่นก็ว่ากันอีกที

มันสิทธิของข้าพเจ้าเช่นเดียวกันที่จะอนุญาตให้ตัวเองระบายความคับแค้นออกมาบ้าง




ข้าพเจ้าเชื่อเลยว่า

ปัญหาใหญ่ๆ ที่มาทีละหนึ่ง

ไม่ยุ่งยากเท่าปัญหาไม่ใหญ่ที่กรูกันเข้ามาทีละหลายปัญหา

มันเป็นเรื่องความสามัคคีอย่างที่เราพูดกันอยู่เสมอ

สามัคคีคือพลัง

เมื่อปัญหามันสามัคคีกันมา

มันย่อมมีพลังมาก

ทำร้ายเราได้มาก

ทางเดียวที่จะสู้กับมันได้

คือค่อยๆ ทำลายมัน

ทีละนิดๆ 

ให้มันสลายไปทีละหน่อยๆ

เดี๋ยวมันก็หมดพลังไปเอง


แต่ปัญหาในการจัดการปัญหาเทือกนี้ก็คือ

เราต้องไม่หมดพลังก่อนพวกมัน

นั่นแหละ

บททดสอบอันแท้จริง





ข้าพเจ้าจะจดจำช่วงเวลานี้เอาไว้

ช่วงชีวิตที่ข้าพเจ้าร้องไห้มากที่สุด

ช่วงเวลาที่รู้สึกสิ้นหวัง

และได้ทำความรู้จักกับความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า

รู้สึกเหยียดหยามตัวเอง

รู้สึกดูถูกและผิดหวังในตัวเองที่สุด



ข้าพเจ้าจะจดจำน้ำเสียงหนักใจของแม่

จดจำเสียงหงอยๆ ของน้อง

และจดจำการคุยโทรศัพท์กับพ่อ

ครั้งแรกที่พ่อพ่ายแพ้ต่อความเหงาอย่างสิ้นท่า

ข้าพเจ้าเข้าใจพ่อดี

พ่อไม่อ่อนแอหรอก

มันเป็นธรรมดา

เมื่อเราต้องอยู่เพียงลำพัง ในสถานที่ที่เคยมีคนคุ้นเคยอยู่ด้วยทุกวี่วัน

หัวใจคนหาใช่หินผา

ย่อมมีความอ่อนไหว

ข้าพเจ้าจะจดจำสถานการณ์เลวร้ายที่ครอบครัวของเรากำลังเผชิญในขณะนี้

เราอาจเคยพบเจอมันมาบ้าง

แต่ตอนนั้นเราผ่านมันมาได้

เพราะเรายังมีเรา

ต่างกับตอนนี้

ที่เราอาจยังมีเรา แต่ก็ช่างห่างไกลเหลือเกิน

ไกลจนความสั่นไหวของแต่ละคนแสดงตัวออกมาอย่างชัดเจน

ข้าพเจ้าจะจดจำ และเมื่อมันผ่านไป

และจะไม่มีวันให้มันกลับมาซ้ำรอยเดิมได้อีก




แน่นอน ข้าพเจ้าจะจดจำทุกแรงผลักดัน

ที่ทำให้ข้าพเจ้าสามารถปาดน้ำตาและเผชิญหน้ากับเรื่องราวเหล่านี้อยู่ได้

ทั้งแรงผลักที่มาจากกำลังใจ

และแรงผลักที่มาจากการซ้ำเติม ทับถม 

ทั้งการแบ่งปัน

ทั้งความเห็นแก่ตัว

ทั้งการโอบกอดอย่างอบอุ่น

และการเมินเฉยอย่างร้ายกาจ

ข้าพเจ้าจะไม่ลืม

มันอาจทำร้ายข้าพเจ้าได้

อาจทำให้ข้าพเจ้าอ่อนแอ สั่นไหว และเสียน้ำตาในตอนนี้

แต่เมื่อใดก็ตามที่ข้าพเจ้าผ่านพ้นความยุ่งยากทั้งหมดนี้ไปได้

ข้าพเจ้าสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่า

มันจะไม่สามารถทำอะไรหัวใจข้าพเจ้าได้อีกต่อไป




บางครั้งเราต้องยอมถูกรังแก ถูกเหยียบย่ำบ้าง




มันไม่สำคัญหรอกว่าฟ้าจะสูงเพียงไหน

มันสำคัญที่เราต่ำต้อยเพียงใดต่างหาก


ใครสักคนกล่าวไว้





แพรวา ในวันปัญหารุม

30 มีนาคม 2557

วันสอบเนติฯ ขาสุดท้าย 

ยังเหลือวิ.แพ่งที่ต้องอ่านอีกสามร้อยหน้า หึๆ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น