26 ม.ค. 2555

ประภาส แปลว่า แสงสว่าง

เมื่อครั้งอยู่ในช่วงบ้าอ่านหนังสือ


สมัยเรียนมหาวิทยาลัย


มีความสุขมาก


วันๆ ไม่ต้องทำอะไร


นอกเหนือจากเรียนก็ไปหมกตัวอยู่ในห้องสมุด


แอร์เย็นๆ บรรยากาศเงียบๆ วิวสวยๆ (นั่งริมกระจก ชั้น 4 ชั้น 5)


มีหนังสือหลายๆ เล่มวางอยู่บนโต๊ะ


บางครั้งก็เลือกยากเหมือนกันว่าจะอ่านเล่มไหนก่อนดี


มันอยากอ่านไปหมด


อ่านแล้วก็ต้องอ่านให้จบเล่ม


ไม่งั้น ขึ้นเล่มใหม่ไม่ได้


.
.
บังเอิญได้พบกับหนังสือเล่มหนึ่ง


ชื่อว่า..ตัวหนังสือคุยกัน


คนเขียนชื่อ ประภาส ชลศรานนท์


ตอนนั้นไม่รู้จักหรอก ประภาสที่ว่านี้คือใคร


มารู้ภายหลังว่าเป็นหนึ่งในผู้สรรค์สร้าง Workpoint


ที่รู้จักมากขึ้น เพราะติดใจในแนวความคิด


ก็เป็นธรรมดาที่จะอยากรู้เพิ่มเติมว่า


คนที่คิดและเขียนอะไรๆ ได้อย่างนั้น


เขามีประวัติความเป็นมาอย่างไร


ตัวหนังสือคุยกัน เป็นหนังสือถามตอบ


บรรดาแฟนคลับมีข้อสงสัยในชีวิต หรือปัญหาที่แก้ไม่ตก คิดไม่ได้


ก็ส่งจดหมาย (หรืออีเมลล์ หรือโพสต์ในหน้าเว็บก็ตามแต่) ไปถาม


คำถามไหนโดนๆ และคิดว่ามีประโยชน์แก่ผู้อื่น


ก็คัดมารวมเล่ม พิมพ์จำหน่าย


การรู้จักคุณประภาส ทำให้รู้จักหนังเก่า


เรื่อง the Shawshank Redemption


เก่าแล้วจริงๆ


เพราะตอนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนั้น ก็ล่วงเลยมาหลายปีมากแล้ว


นับจากวันที่หนังสือถูกตีพิมพ์จำหน่าย


ไปหาหนังมาดู   เริ่มจากค้นดูในห้องสมุด


มีเป็นวิดีโอ


ขลังมาก เพราะสมัยนั้น สื่อบันเทิงต่างๆ เขาทำมาเป็นวีซีดี ดีวีดีกันหมดแล้ว


ดูวิดีโอ เป็นภาษาอังกฤษ ไม่มีซับไตเติ้ล


บอกตามตรงว่า ไม่อิน ไม่สนุก เพราะไม่รู้เรื่อง 555++


ลองไปร้านเช่าหนังใต้หอพัก


ปรากฏว่ามี ดีใจมาก


เป็นวีซีดี 2 แผ่น


หน้าปกเป็นรูปคนขาว กับคนดำ บรรยากาศฉากหลังในภาพ อึมๆ ครึมๆ


ความจริง แค่หน้าปก ก็ไม่ใช่แนวอย่างรุนแรงแล้ว


แต่ก็นะ เชื่อคุณประภาส



.
.



เปิดดู ค่อยยังชั่ว มีซับไทยให้


แต่พระเจ้าช่วย


แผ่นเป็นรอย ดูได้แค่ครึ่งเรื่อง ที่เหลือก็นะ


โซเคนยังเอือม


ไปถามที่ร้านอีกที .. ร้านบอกมีแค่แผ่นเดียว


หึหึ


จึงต้องจำใจดู ทั้งที่กระตุกๆ สะดุดๆ อย่างนั้นแหละ


แต่ถึงอย่างไร


หนังที่ใช่ ก็ยังคงใช่


รู้สึกทันทีว่า ต้องหามาดูอีกทีในเวอร์ชั่นสำราญจิตกว่านี้ให้ได้


ไปตามหาที่ร้านแมงป่อง


โชคดีที่ช่วงนั้น เขาเอาหนังเอามา reproduce ใหม่


ทำ packaging สวยงาม เป็นที่น่าสะสม


ในบรรดาหนังเก่าที่เอามาขายใหม่นั้น มีเรื่องนี้อยู่ด้วย


แต่โชคคงไม่เข้าข้าง สาขาไหนก็หมด


รอผลิตใหม่ล็อตถัดไป


สุดท้าย ถัดมาอีกหลายเดือน ถึงได้มาจริงๆ


เป็นแผ่นสุดท้ายที่มีในร้าน


ดีใจมาก


และนั่น คือหนังเรื่องแรกและเรื่องเดียว


ที่กล้าบอกได้ว่าเป็นเรื่องโปรด


ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ


หนังแฝงปรัชญา ความคิด มุมมอง


และนำเสนอผ่านตัวละครที่มีความแตกต่างในปูมหลัง


ฉันอินไปกับทุกตัวละคร


สะเทือนใจในบางฉาก


ปลื้มใจไปกับผลของความอดทน


ทึ่งในสติปัญญา


และสมน้ำหน้าตัวละครที่มีจุดจบจากความชั่วของตัวเอง


อิสระ ... เป็นสิ่งที่หอมหวานเสมอ


แต่บางครั้ง บางคน ก็ไม่ได้ต้องการมัน


เมื่ออิสระ มาพร้อมกับความไม่ปลอดภัย


ไม่มั่นคงในสวัสดิภาพของชีวิตตัวเอง


.
.
.

ขอบคุณ คุณประภาส ผู้นำพาแสงสว่างมาสู่ปัญญาของฉัน


ไม่มาก ไม่น้อย แต่ค่อยๆ ใช้ได้ตลอดชีวิต
.
.
.
to be continue...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น