หลายวันที่ผ่านมา
อารมณ์ขุ่นมัว หม่นหมอง หงุดหงิด
อาจเพราะเป็นช่วงเวลาที่ต้องเป็นด้วย
อารมณ์ขึ้นๆลงๆตามฮอร์โมนในร่างกาย
และอาจเพราะ ปัจจัยภายนอกอีกหลายสิ่ง
เพิ่งอ่านมูราคามิจบ
เป็นครั้งแรกที่ได้อ่านผลงานของนักเขียนคนนี้
เคยได้ยินชื่อมานาน รู้มาบ้างว่าหนังสือเป็นแนวไหน
ได้อ่านเอง ซึมซับเอง
ที่ได้ยินมานั้น ก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง
อ่านหนังสือเล่มหนา
ด้วยความคิดที่เหมือนถูกแบ่งแยก
เหมือนว่า ไม่เพียงแค่อ่านและอินไปกับตัวละคร
เรายังต้องคิด และหม่นหมองไปในตัวตนของเราเอง
เหมือนว่ากายนี้ ไม่ใช่ของเรา
เหมือนว่าความคิด จิตวิญญาณ และร่าง
มันแยกออกจากกันอย่างชัดเจน
ถามหาอะไรบางอย่าง
ที่ก็ไม่รู้ ว่าคืออะไร
อิสระ ความสุข ความคิด ความฝัน
ขบคิดไป
แบบไหนที่อยากเป็น
คนแบบไหนที่อยากเดินเคียงข้าง
พอใจกับชีวิตแล้วหรือยัง
ดำรงตนเช่นไรให้ชีวิต มีความหมาย
และไม่เสียดาย หากว่าต้องตาย ในวันพรุ่งนี้
ช่วงเวลาที่เหมือนว่าอะไรๆในชีวิต
ไม่พอดี
ไม่รู้ว่าไม่พอดีในตัวมันเอง
หรือเพราะเราเองที่ไม่พอใจ
คงทั้งสองอย่างรวมๆกัน
อยากเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน
อยากมีอิสระ
อยากเดินทาง
แต่หลายสิ่ง ทำให้ไม่อาจก้าวขาออกไปได้ดั่งใจคิด
ติดที่หลายๆคน ซึ่งเราเป็นห่วง
ชีวิตเราไม่ใช่ของเราคนเดียว
มีหลายคน ผูกติดกันไว้
ปัญหาคือ
การเดินทางของเรา การเปลี่ยนแปลงของเรา
จะกระทบถึงคนเหล่านั้นหรือไม่
ถ้าไม่กระทบก็ดีไป
แต่จะคิดยังไง ก็มีวี่แววว่าจะกระทบอยู่ดี
ในบางครั้ง ก็อยากกองเหตุผล เอาไว้ตรงนั้นแหละ
อยากหยิบเอาแค่อารมณ์และความฝันมาเดินเคียงข้าง
แต่เจ้าตัวเหตุผล มันชอบตะโกนขึ้นมาประท้วงสิทธิของมันอยู่เรื่อย
"แกจะทิ้งๆขว้างๆฉันได้ยังไง
ขาดฉันไป แกจะเป็นคนไร้เหตุผลนะยะ"
สุดท้าย ก็ต้องกลับไปหยิบมันขึ้นมาอยู่ดี
เจ้าตัวนี้ ร้ายกาจจริงๆ
แท้แล้ว เราก็ไม่เคยคิด
ว่าชีวิต มีอะไรๆแค่นี้
ทำงาน 5 วัน วันละ 8 ชั่วโมง
ที่เหลือก็กิน นอน อ่าน เล่น เที่ยว
มันง่ายมากที่จะรู้สึกเบื่อหน่ายกับวงจรอุบาทว์เช่นนี้
ชีวิตมีอะไรมากกว่านั้น
ปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากพันธนาการของสายตาและความคิดผู้อื่น
อย่างที่วาตานาเบะเป็น
ปล่อยความคิดให้ล่องลอย จินตนาการสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง
อย่างที่มิโดริทำ
บางเวลา เข้มแข็ง บังคับตัวเอง เพื่อกำชัยชนะให้ได้
อย่างนางาซาวะ
แต่ไม่ว่ายังไง อย่าทำอย่างนั้น
อย่างคิซึกิ และนาโอโกะ
อย่าเป็นบ้าเรย
แด่..Norwegian Wood
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น