16 ส.ค. 2555

ในวันที่ป่วยทั้งกายและใจ


ข้าพเจ้าค่อนข้างชินชากับการป่วยกาย

เพราะตั้งแต่เกิดมา ก็จำได้ว่ามีความเจ็บป่วยมาเยี่ยมอยู่เสมอมิได้ห่างหาย

ไม่เป็นโรคอย่างหนึ่ง ก็ต้องมีอาการอีกอย่างหนึ่งมาให้ได้สัมผัส

จึงมิได้มีความหวั่นเกรงในโรคภัยไข้เจ็บใดๆ นัก

เป็นแล้วก็หาย

หรือเป็นแล้วไม่หาย อย่างมากก็แค่ตายไปเสีย

ป่วยตาย ดีกว่าตายห่าหายโตง ตายเพราะอุบัติเหตุแบบกะทันหันหรือถูกใครเขาฆ่าตาย

แต่กระนั้น ถ้าจะต้องตายเพราะโรคภัยใดๆ จริงๆ

ก็ขอให้รีบๆตาย อย่าได้เรื้อรังให้สิ้นเปลืองเงินทองญาติพี่น้องไปเกินสมควรเลย



ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง และฝนตกบ่อย

คนรอบข้าง พากันป่วย

ข้าพเจ้าก็เริ่มจะป่วย

อาจเพราะช่วงนี้นอนน้อย พักผ่อนน้อย ทำนู่นนี่นั่นเยอะไปหน่อย

แต่ก็ช่างมัน


หากแต่บางครั้ง

ก็ได้เรียนรู้ว่า

ยามที่ป่วยกาย ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกทุกข์ท้อ เท่ากับยามป่วยใจ

เมื่อป่วยใจ

มันเหนื่อย มันหน่าย มันท้อ

เมื่อต้องรู้สึกแย่ เครียด กดดัน หรือเผชิญกับสภาวะอารมณ์อันไม่พึงประสงค์บ่อยๆ

มันบั่นทอนความแข็งแรงของจิตวิญญาณ


ข้าพเจ้าอาจหวั่นไหวไปเอง อาจอ่อนแอไปเอง

แต่นั่นก็เป็นตัวข้าพเจ้า

เพราะข้าพเจ้าอ่อนแอกับเรื่องบางเรื่อง

หวั่นไหวกับเรื่องบางเรื่อง

มีเรื่องให้สะเทือนอารมณ์เฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป

และข้าพเจ้าก็ไม่ปรารถนาจะทำให้ใจตัวเองชินชากับเรื่องเหล่านั้น

เพราะมันยาก

ยากกว่าการหลบเลี่ยงไม่พบเจอ

ข้าพเจ้าจึงเลือกที่จะไม่พบ ไม่เจอ เรื่องใดๆ ที่จะกระทบความรู้สึกตัวเอง



ข้าพเจ้ามีบางเวลาที่เข้มแข็ง

และมีบางเวลาที่อ่อนแอ


ข้าพเจ้ามีคนที่รัก คนที่ห่วง คนที่แคร์

ซึ่งเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นเพราะคนเหล่านั้น หรือเกิดกับคนเหล่านั้น

ย่อมกระทบใจได้มากเป็นพิเศษ

มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์

ซึ่งข้าพเจ้ายังไม่อาจหลุดพ้นและข้ามผ่านไปได้



เวลานี้

ข้าพเจ้าเพียงอยากอยู่เงียบๆ

นั่งมองสายฝนกระหน่ำซัดเพียงลำพัง

เจ็บปวดเพียงลำพัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น