วันนี้ 21 พฤษภาคม 2555
ฉันขับรถทางไกลและในกรุงเทพฯ เพียงลำพัง เป็นครั้งแรก
หากไม่นับรวมการขับตอนไปทำใบขับขี่ที่พัทยา
หลายสิ่งหลายอย่าง ทำให้เติบโตขึ้น
สมดังเจตนาของใครคนหนึ่งที่ต้องการให้ฉันมีความเป็นผู้ใหญ่ในเร็ววัน
แต่กระนั้น ฉันก็ยังอ่อนต่อโลก และอ่อนแอเกินไปอยู่ดี
ฉันไม่ชอบการขับรถ และไม่เคยคิดจะขับรถด้วยตนเอง
ทว่า เมื่อมันจำเป็น ก็ต้องทำ
เมื่ออยู่บนท้องถนน เหมือนไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง
แต่จะใช่จริงหรือ เพราะในอีกมุมหนึ่ง
ก็เหมือนสะกิดใจให้คิดว่า บางที มันก็คือตัวเอง
ที่แม้แต่เจ้าของก็ไม่เคยรุจัก หรือรุจักแต่แสร้งว่าไม่ใช่ตัวตน
บางสถานการณ์ เราเป็นผู้โอนอ่อน และยอมให้
บางสถานการณ์ เราเป็นฝ่ายรับ ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้เต็มใจให้
บางครั้งเราถูกเอาเปรียบ
บางครั้งเราเอาเปรียบ
บางครั้ง ผู้อื่นไม่มีมรรยาทกับเรา
เช่นกันที่ในบางครั้ง เราก็เสียมรรยาทกับผู้อื่น
เราผิดพลาด บ้างก็ยอมรับว่าผิดจริงๆ
บ้างก็ไม่ยอมรับ หนำซ้ำยังเฉไฉ เทโทษความผิดไปให้ผู้อื่นเสียดื้อๆ
หรือแสร้งไม่รู้ไม่เห็น กูไม่ได้ทำ
บางคนเห็นแก่ตัวแบบอ่อนๆ
หลายคน เปิดเผยออกมาซึ่งๆหน้า
เห็นแล้วตาลาย คลื่นไส้ เวียนหัว และขยะแขยง
ฉันไม่ชอบการใช้เวลาอยู่บนท้องถนนจริงๆ
อาจดีที่ได้ฝึกสมาธิ
แต่ไม่ดีที่ต้องแลกกับการได้เห็นสันดานดิบในตัวมนุษย์ชัดเจนเกินไป
วันนี้ ยังดีที่ได้รับไมตรีและการอภัยจากผู้อื่น
ฉันจะตรงไป แต่เข้าผิดเลน และทำให้รถเลนขวาที่จะกลับรถ ไปไม่ได้
เพราะจะตีไฟเลี้ยวเข้าเลนถัดไปด้านซ้าย
ไฟก็แดงพอดี
โชคดีที่รถคันที่กำลังจะมา หยุดให้หน่อยหนึ่ง
ทำให้หัวเข้าไปได้พอสมควร
กระนั้น ท้ายรถก็ยังขวางทางเลนขวาอยู่ดี
และโชคดี ที่บีเอ็มคันที่อยู่ด้านหน้า
พยายามขยับรถให้ ฉันก็กระดื๊บๆ ค่อยๆเอาตัวเข้าไป
และรถเลนขวาก็ผ่านไปได้ในที่สุด
รถคันแรกที่ผ่านไปได้ ผงกหัวให้
หลายคันที่ตามๆกันมา ก็พยายามไป เมื่อพ้นไปได้ บางคันก็หันมาผงกหัวให้อีก
เหมือนจะตอบรับ
การผงกหัว แทนคำขอโทษจากฉัน (คอแทบเคล็ดกันเลยทีเดียว)
ฉันเชื่อเสมอว่า เมื่อเราทำผิด หากเรายอมรับ และพยายามแก้ไข
ก็มีคนที่พร้อมจะให้อภัยเราเสมอ
การขับรถในย่านที่ได้ชื่อว่ารถติดแสนสาหัส
ทำให้ปวดร้าวไปทั้งตัว และเกิดความตึงเครียดขึ้นแก่ร่างกาย
หมดพลังไปเยอะเหมือนกัน
ฉันพยายามไม่จอดชิดคันหน้าเกินไป
เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ชนกันแบบลูกโซ่
คนรักของฉันสอนเสมอว่า ให้เว้นห่างไว้ อย่าไปใกล้เค้ามาก
เช่นกันกับที่เรา ก็ไม่อยากให้ใครมาใกล้ด้านท้ายของเรา จนเกินไปนัก
ในขณะที่บางสถานการณ์ เราก็จำเป็นต้องใกล้
เพื่อไม่ให้มีการซอกแซกและแทรกแซง
จนเกิดอันตรายแก่ตัวเราได้
ฉันค่อนข้างเข้มงวด และกวดขันในวินัยจราจร
กฎเป็นกฎ และพยายามไม่ออกนอกลู่นอกทาง
เพราะคิดเสมอว่า อุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้
แต่ต้องไม่ใช่เพราะตัวเราเป็นสาเหตุ
ถ้าทำตามกฎ อย่างน้อย ก็ลดโอกาสที่จะไปชนใคร
และถ้าเพิ่มสติมากขึ้น โอกาสที่ใครจะมาชนเราได้ ก็น้อยลง
อย่างไรก็ตาม ความใจอ่อน ก็ไม่ลบเลือน
อยากไปก็ให้ไป อยากแซงก็ชะลอให้แซง
อยากแทรกเข้า ถ้าไปได้ก็ไป
แต่ถ้าน่าเกลียดเกินไปนัก ก็อย่าหวังเลย
วันนี้ ณ ย่านอโศก
เป็นย่านที่คุ้นเคยอย่างดี
และไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นสถานที่เกิดเหตุขึ้นได้
รถ accord โผล่ออกมาจากซอยด้านซ้าย รถแถวด้านซ้ายของฉันหยุดให้แล้ว
เค้าก็โผล่มาถึงเลนฉัน จึงจำต้องเบรคแบบกะทันหัน
แล้วก็ได้ยินเสียงโครม
ดังทีเดียว
ตกใจ
มอเตอร์ไซด์ชนท้ายอย่างจัง
เหมือนถอดแบบคนรักมา
ในคราวที่โดนกระบะไหลมาชนท้ายเมื่อตอนติดไฟแดงที่สัตหีบ
มือกดไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ
เข้าเกียร์ P ถอดเบลท์
เปิดประตูรถด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง
มอเตอร์ไซด์เสียงหงอยๆ แต่ไม่หนี
ฉันดูรอยรถ เห็นเพียงรอยสีแดงจากบังโคลนมอเตอร์ไซด์มาเปื้อนสีขาวของกันชน
นอกจากนั้น ไม่มีอะไร
แอบสงสัย เสียงก็ดัง ไม่ยักมีรอยบุบหรืออะไรที่ร้ายแรง
และด้วยความที่ย่านนั้น รถติด จึงไม่ได้เอาเรื่องเอาราวอะไรให้ยุ่งยาก
แต่เมื่อกลับมาถึงที่พัก
ตรวจดูความเรียบร้อยของรถอีกที
เอามือลูบใต้กันชน ก้มลงไปดู
เป็นรอยแตก มีความยาวประมาณ 2-3 นิ้ว
โทรไปเล่าให้คนรักฟัง
ได้รับคำสั่งสอนกลับมาเช่นเดิม
"เมื่อใดที่ต้องใช้ปัญญาก็ต้องใช้ปัญญา
เมื่อใดที่ต้องใช้ความเมตตา ก็ค่อยเมตตา"
ถูกต้องจริงๆ
คำพูดคำจาที่ดี บางครั้ง ก็เพื่อหลบหลีกและปิดบังความผิดของตนเอง
ฉันยังอ่อนหัดนัก ในเรื่องการมองคนให้ทะลุปรุโปร่ง
แม้ว่าตอนนี้จะพัฒนาขึ้นบ้างแล้วก็ตาม
เอาเถอะ ครั้งนี้จะเป็นประสบการณ์สอนให้ฉันมีความละเอียด
และใช้สติปัญญาในการรักษาตนให้พ้นจากการถูกเอาเปรียบมากขึ้น
ใจอ่อนเกินไป ผลร้ายก็กลับมาสู่ตนเอง
ขอบคุณ อะไรก็ตามที่ส่งบทเรียนนี้มาสอนฉัน
ก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายแรง และแย่ยิ่งกว่านี้ขึ้นจริงๆ
หมายเหตุ สัตหีบ-เนติบัณฑิตยสภา ตลิ่งชัน-ลาดพร้าว-หมอชิต-พระราม 3
ออกเดินทางตีสี่โดยประมาณ จอดรถที่ศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ สถานที่ทำงานเมื่อราวๆ สี่โมงเย็น
ร้อยละ 85 ของชีวิตวันนี้ ใช้บนท้องถนนและการเดินทาง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น