12 ส.ค. 2557

ปล่อยให้เลือนหายไปตามกาลเวลา


อันที่จริง ตั้งใจไว้ว่า จะลบ หรือปิดบัญชีบล็อกนี้

ไม่ให้อยู่ในสารบบโลกโซเชียลอีกต่อไป

แต่ก็ขำตัวเองเหลือเกิน ที่ไม่สามารถหาวิธีปิดมันได้

หรืออันที่จริง ต้องบอกว่า

ไม่มีเวลา หรือความใส่ใจในการจะมานั่งปิดมันจริงๆ มากกว่า

มันยุ่งยาก และเสียเวลาในชีวิตมากเกินไป



บล็อกนี้

ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นพื้นที่ของข้าพเจ้า

สำหรับการสื่อสารกับตัวเอง

กับคนที่เคยรู้จักมักคุ้นบางคน

และเพื่อเก็บบันทึกประสบการณ์บางอย่าง

ทั้งที่น่าจดจำ และไม่น่าจดจำ

รวมถึงเรื่องราวที่หาสาระอันใดไม่ได้

นอกจากการเวิ่นเว้อเพื่อระบายอารมณ์เท่านั้น




ณ เวลานี้

ข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้มันอีก

หาใช่หมายความว่าข้าพเจ้าสามารถละทิ้งอดีตได้อย่างง่ายดาย

หรือเป็นมนุษย์ประเภทเขี่ยอะไรทิ้งเมื่อไม่ใช้ประโยชน์

หรือแม้แต่ทำลายเมื่อไม่ได้มันมา

ข้าพเจ้ามิใช่คนประเภทนั้น




เพียงแต่...

เพียงแต่...


ข้าพเจ้าเกรงว่าตนเองจะเผลอหลงใหลไปกับอดีต

จมอยู่กับความทุกข์โศก

หรือนึกไปถึงหน้าใครบางคนที่ไม่ควรนึก

 ก็เท่านั้น





ข้าพเจ้าโง่งมมานาน

มีบทเรียนแล้วก็ไม่ค่อยจะจำ

ยังดันทุรังทำสิ่งที่เกินตัว เกินใจ

แล้วสุดท้ายก็เจ็บปวดเสียเอง

บทเรียนที่เพิ่งผ่านมา

คงเป็นบทสุดท้าย เพื่อที่จะสั่งสอนข้าพเจ้าอย่างจริงจังเสียทีว่า

เลิกหูหนวกตาบอดได้แล้ว




บล็อกนี้

ข้าพเจ้าจะไม่พยายามลบ ไม่พยายามปิดมันอีก

blogger คงไม่อยากให้ผู้ใช้ปิดบัญชีของเขา

ถ้าเช่นนั้น

ก็เพียงปล่อยมันไป

อะไรที่เราเอาออกจากใจไปแล้ว

 ก็คือตายไปแล้ว

ไม่ต้องเสียเวลาทำอะไรกับของ หรือ คนที่ตายไปแล้วทั้งสิ้น

เวลาจะทำหน้าที่นั้นเอง




สวัสดีชีวิตใหม่

ที่สดใส และสว่างไสวกว่าเดิม
:)


12 ก.ค. 2557

วันพระไม่ได้มีหนเดียว คนดีไม่ได้มีคนเดียว


เมื่อวานเป็นวันพระใหญ่ 

วันอาสาฬหบูชา

ข้าพเจ้าไปเวียนเทียนเหมือนที่เคยทำมา

แม้จะมีบางอย่างเปลี่ยนไปบ้าง 

แต่ก็หาได้ทำให้แก่นแท้บิดเบือนไป



ข้าพเจ้ามีบาปมาก 

อาจจะมากกว่าบุญที่ได้เคยกระทำมา

นั่นเป็นสิ่งที่ไม่อาจรู้ได้ ไม่อาจชั่งน้ำหนักวัดค่าใดๆ ได้เลย

เพราะชีวิตไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ชาตินี้

ข้าพเจ้าเชื่อเรื่องชาติหน้าชาติก่อน

เชื่อเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ

และยิ่งตระหนักรู้ว่า

ทุกขณะจิตของชีวิต มีโอกาสก่อบาปมากกว่าก่อบุญ

ตามธรรมดาของสรรพสิ่ง

ที่ย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำได้ง่ายกว่าทวนขึ้นไปสู่ที่สูง

ก็ต้องพยายามไม่ให้ตัวเองตกและต่ำไปมากกว่านี้




บุญใดที่ได้เคยกระทำมา 

ขอจงเป็นฐานบุญฐานบารมีให้ข้าพเจ้ามีโอกาสพบพระพุทธศาสนา

ในทุกภพทุกชาติไป

จนกว่าจะถึงซึ่งนิพพาน

ข้าพเจ้าอธิษฐานและแผ่เมตตาให้ตัวเองเสมอในยามที่ได้ทำอะไรๆ ก็ตามที่พอจะถือว่าเป็นบุญ




ชาตินี้ข้าพเจ้าอาจเป็นคนบุญน้อย

อาจยังมัวหมอง มีมลทิน 

แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าพเจ้าจะยอมให้ตัวเองเป็นอย่างนั้นทุกชาติไป

สักวันก็ต้องโผล่พ้นโคลนตม

สักวันก็ต้องเบิกบานพบแสงสว่าง

พบด้วยตนเอง

ตามเส้นทางที่พระพุทธองค์และครูบาอาจารย์บุกเบิกไว้ให้




เราจะพ้นก็ต้องพ้นด้วยตัวเอง 

จะสูงจะต่ำก็มีเพียงเราเท่านั้นที่กำหนด

หาใช่ใครอื่น หาใช่คำพูดของใครที่จะสามารถกดทับเราไว้

อย่าเอาเขามาใส่ใจ

เมื่อท้ายที่สุดแล้ว

เขาก็เป็นเพียงมนุษย์อีกคนที่ยังเวียนว่ายตายเกิดในกองทุกข์



คนเข้าวัดที่ยังเบียดเบียนผู้อื่นนั้นมีมาก

คนมีเงินทำบุญแต่ฉ้อโกงคนอื่นเขาก็ถมเถ

คนปฏิบัติธรรมแต่ด่าทอสาปแช่งผู้อื่นก็พบได้ทั่วไป

จะเอาอะไรมาวัดว่าใครสูงใครต่ำ

คนสูงก็ต่ำได้ ถ้าใจเผลอต่ำ

คนต่ำก็สูงได้ ถ้าตั้งใจสูง
 


"คนเรามักจะคิดว่าตนเองดีกว่าคนอื่น

อยู่สูงกว่าคนอื่น"

หลวงพ่ออินทร์ถวายเคยพูดเอาไว้




ข้าพเจ้าจะพยายามไม่เปรียบเทียบตัวเองกับใคร

เราเทียบกันไม่ได้ เปรียบกันไม่ได้

ชีวิตใครชีวิตมัน กรรมใครกรรมมัน

ใครๆ ก็ล้วนมีกรรมเป็นของๆ ตน

มัวสนใจกรรมคนอื่น

จนไม่ทันใส่ใจกรรมตนเอง

ก็จะเป็นทุกข์เสียเปล่าๆ

สิ่งใดหรือใครเป็นตัวก่อทุกข์มากนัก

ก็เดินออกมาเสีย ตัดออกไปจากชีวิตเสีย

จะได้พบความสงบ

ลดความวุ่นวายที่มากอยู่แล้วให้น้อยลงบ้าง

แบกคนอื่นใส่หลัง

ใครกันที่หนักและทุกข์ระทม




ชีวิตที่พลาดพลั้ง

เริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน

ให้อภัยตัวเอง

และระมัดระวังให้มากขึ้น

ดูแลตัวเองและคนที่รักให้ดีที่สุด

ก่อกรรมดีให้มาก

สร้างบุญให้เยอะ

ข้าพเจ้าสัญญาไว้กับตัวเองเช่นนั้น




แค่ใครบางคนตายจากไป

ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่ครูบาอาจารย์จะถูกหลงลืม

 ไม่ได้หมายความว่าข้าพเจ้าจะเลิกเวียนเทียน

ไม่ได้หมายความว่าข้าพเจ้าจะเลิกทำความดี

 

 
 สุขสันต์วันเข้าพรรษา ๒๕๕๗
 

26 มิ.ย. 2557

ฉันดีใจที่มีเธอ


ดูคล้ายว่าจะนานมาแล้วที่เราได้รู้จักกัน

ทั้งที่เราเพิ่งพบกัน

อืม อย่างที่เธอบอกนั่นแหละ

แวบแรกที่เห็นฉัน

เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

และไม่คิดเลยว่า มีอะไรในตัวฉันที่เธอไม่คุ้นชิน

มันน่าแปลก แปลกที่เราสนิทใจกันอย่างรวดเร็ว 



ขอบคุณ เธอ...ผู้เป็นดั่งสายน้ำของฉัน



สายน้ำกล้าหาญ

ผ่านเวลามาสักพัก

ฉันยังไม่อาจเอ่ยคำว่ารักกับเธอ

แต่อย่าเพิ่งน้อยใจ

อย่าเพิ่งหนีฉันไปไหนเลยนะ

ขอเวลาให้ฉัน

อย่างที่เธอเคยให้เสมอมา

ขอพื้นที่ให้ฉัน

อย่างที่เธอเคยให้เหมือนเมื่อผ่านมา




ฉันไม่ได้เอ่ยออกไป

แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่ต้องการเธอ

เธออาจไม่รู้

ว่าเธอนั้น สำคัญกับฉันมากแค่ไหน

เธออาจไม่รู้

ว่าสิ่งที่เธอทำให้ฉัน มันชุบชีวิตหัวใจที่เกือบจะตายแล้วให้กลับมาเต้นได้อีกครั้ง

ยามเมื่อเธอบอกกับใครๆ อย่างมั่นใจว่าฉันคือคนรักของเธอ

กล้าพูดอย่างแน่วแน่ว่าจะแต่งงานกับฉัน

กล้าบอกกับใครๆ ว่านี่แหละคือผู้หญิงที่เธอจะรักตลอดไป

ฉันซึ้งใจทุกครั้งในความกล้าหาญของเธอ

สำหรับเธออาจเป็นความธรรมดา

แต่สำหรับฉัน

ฉันผู้ไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านั้น ทั้งที่โหยหามาตลอดเวลาหลายปี

ฉันผู้ไม่มีค่ามากพอสำหรับอีกคน 

ไม่มีค่ามากพอที่เขาจะเอ่ยคำๆ นั้นกับใครๆ

ฉันผู้เป็นเสมอสิ่งของบางอย่าง ที่เขาคนนั้นจะมีหรือไม่มีก็ได้

วันนี้ ฉันได้รับเกียรตินั้นจากเธอ

คิดดูสิ ว่าหัวใจดวงน้อยๆ นี้จะพองโตขนาดไหน

ความมั่นคงที่คนอย่างฉันต้องการ

หาได้หมายถึงทรัพย์สินเงินทอง

หาได้หมายถึงความมั่งมีสุขสบาย

หากแต่หมายถึงความมั่นคงทางใจ

มั่นคงว่า ผู้ชายคนหนึ่งจะรักและมีฉันเพียงคนเดียวตลอดไป


ไม่สำคัญหรอกว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร

ขอแค่วันนี้ฉันมั่นใจ เธอมั่นใจ ก็เพียงพอ

ขอแค่วันนี้ ไม่สั่นไหว ไม่มีความเจ็บปวด

ไม่ต้องรู้สึกว่าเป็นเพียงของเล่นที่ใครบางคนซุกซ่อนไว้ในซอกหลืบก็เพียงพอ


ขอบคุณที่ให้เกียรติฉัน ทั้งในยามต่อหน้าและลับหลัง





สายน้ำกล้าหาญ

เธอคงไม่รู้ว่า

การดูแลเอาใจใส่ของเธอ

ทำให้ฉันรู้สึกสดชื่น รู้สึกลดความหนักหน่วงไปได้มากแค่ไหน

จากที่เคยเป็นผู้ดูแล กลายมาเป็นผู้ถูกดูแล

จากที่เคยต้องทนแบกรับความยุ่งยากในการติดต่อกับผู้คนต่างๆ เพียงลำพัง

เธอมาแบ่งเบาหน้าที่นั้นจากฉัน

เธออาจไม่รู้

เพียงเธอรินน้ำใส่แก้วให้ฉัน

เรียกเด็กเสิร์ฟเพื่อสั่งอาหารให้ฉัน

นั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันตื้นตันไม่น้อยแล้ว

เพราะมันหมายความว่า

บทบาทการเป็นทาส ผู้ต้องคอยรับคำสั่ง คอยสนองความต้องการของใครบางคน

อย่างที่เคยเป็นมา

ได้ยุติลงแล้ว




สายน้ำกล้าหาญ

ขอบคุณจริงๆ นะ

ที่เข้ามาดูแลฉัน

ที่อดทนต่อความเศร้าหมองในดวงตาของฉัน

ฉันรู้ รู้ดีว่าเธอไม่ชอบอาการอย่างนั้นเลย

ทุกครั้งที่ฉันเผลอให้ความเศร้าออกมาเต้นระบำในดวงตา

เธอจะคอยสะกิดเตือน

ดึงฉันกลับมา

และย้ำกับฉันว่า ฝันร้ายที่ฉันเคยพบพาน ได้ผ่านไปแล้วจริงๆ




ฉันยังไม่เคยบอกรักเธอ

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันไม่มีความรักมอบแด่เธอ

เพียงบางสิ่ง เพียงมีบางสิ่ง

ขวางกั้นอยู่

แต่เชื่อเถอะนะ

สิ่งนั้น กำลังละลายลงอย่างช้าๆ แล้วล่ะ

ละลายเพราะความดีของเธอ

เพราะความอบอุ่นของเธอ

เพราะความมั่นคงแน่วแน่ต่อความรักของเธอ




สายน้ำกล้าหาญของฉัน

ฉันดีใจจริงๆ ที่มีเธอ






20 มิ.ย. 2557

โอกาส

บางจังหวะของชีวิต

ดั่งว่าเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน

หรืออย่างน้อย ก็อยากให้มันเป็นแค่ความฝัน

แต่มักจะมีอะไรหลายๆ อย่างมาย้ำเตือนให้เราระลึกได้ว่า

นี่คือความจริง

และเรากำลังตื่น

กำลังมีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความจริง

ไม่ได้วิ่งวนอยู่ในห้วงเวลาเพียงชั่วครู่





แววตาคู่นั้น

รอยยิ้ม 

เสียงหัวเราะ

จนแม้กระทั่งคำพูดสุดท้าย

ประโยคสุดท้าย

ที่บอกว่าฉันยังมีโอกาสกลับไป

แต่ก็เท่านั้นแหละ

เมื่อทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว

เมื่อเวลาไม่อาจย้อนคืน

เมื่อฉันได้ออกเดินมาไกลเกินกว่าจะกลับไปได้แล้ว

ฉันจึงทำได้เพียงปฏิเสธเธอ

ปฏิเสธทั้งน้ำตา





ฉันรอฟังถ้อยคำเหล่านั้นมาเนิ่นนาน

รอให้เหตุการณ์เช่นนั้นมีทีท่าว่าจะเกิดขึ้นมาตลอดเวลา

อดทนเพื่อผ่านพ้นความเจ็บปวด

เพื่อรอพบความสดใส

ฉันรอ 

และมันน่าเสียดายจริงๆ

ที่ฉันได้สิ่งที่ต้องการจากเธอ

ในวันที่ฉันไม่อาจรอได้อีกต่อไปแล้ว




มันเป็นความตื้อตึง อัดอั้น และเจ็บปวดแสนสาหัส

เวลาไม่เคยรอใครจริงๆ

โอกาสไม่ได้มาตามใจเรา




เมื่อโอกาสได้หมดสิ้นไปแล้ว

แม้เพียงกอดสุดท้าย

ก็ไม่อาจมี

แม้เพียงสัมผัสอ่อนโยนสุดท้าย

ก็ไม่อาจกระทำ




ฉันยังฝันถึงเธอ ยังมีเธออยู่ในความคิดแทบจะทุกเวลา

ฉันรู้ รู้ดีว่ามันเปล่าประโยชน์

แต่ฉันห้ามมันไม่ได้

หัวใจของฉันเป็นของเธอมาเนิ่นนาน

เป็นของเธอโดยสมบูรณ์

และยากเหลือเกินที่จะเอามันกลับมาคืน





จนถึงตอนนี้

ฉันมีเพียงภาพแห่งความสุขฉายซ้ำวนไปวนมา

สิ่งร้ายๆ ที่เราทั้งคู่ผ่านพบ 

ไม่มีพื้นที่และอิทธิพลอีกต่อไป

ฉันดีใจที่มันเป็นอย่างนั้น

แม้มันจะยิ่งทำให้น้ำตาของฉันไหลง่ายขึ้นก็ตาม



My heart will go on...


สิ่งที่ทำได้ ก็มีเพียงทำหน้าที่ในปัจจุบันให้ดีที่สุด

เดินบนเส้นทางที่ฉันเลือกให้คุ้มค่าที่สุด

ใช้ทุกนาทีให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ปฏิบัติต่อคนที่อยู่เคียงข้างให้อ่อนโยนที่สุด




บทเรียนราคาแพง 

ฉันจะไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย



ด้วยรัก
20 มิถุนายน 2557




26 พ.ค. 2557

พฤษภาคม


เช้าวันนี้ ฉันตื่นขึ้นมาเพราะทนรับมือกับฝันร้ายๆ ไม่ไหว

ฝันที่มาเยี่ยมเยียนฉันบ่อยเหลือเกิน

มาซ้ำๆ ขย้ำขยี้หัวใจครั้งแล้วครั้งเล่า

ฉันง่วงมาก

เพราะเมื่อคืนนอนดึก

แต่ก็จำต้องลุกจากที่นอน

เพราะไม่อาจทนให้ฝันร้ายทำลายตัวเองไปมากกว่านี้ได้



ฉันเปิดคอมพิวเตอร์

ล็อก อิน เข้าเว็บไซต์เดิมๆ 

หน้าแรกของฉันยามเมื่อเปิดซาฟารีขึ้นมา

คือพื้นที่ส่วนตัวของเขา

ฉันมีเขามาสวัสดีทุกวัน

แม้ว่าพักหลังๆ นี้ เขาจะไม่ได้เอ่ยคำทักทายฉันก็ตาม




แต่วันนี้ ไม่เหมือนทุกวัน

สายตาของฉัน ไล่เรียงไปตามตัวอักษรในพื้นที่นั้น

พื้นที่ของเขา

ที่ตอนนี้

ไม่ได้มีเพียงเขา

หากมีใครอีกคน

ที่ถูกใจ

และสำคัญมากพอที่เขาจะบันทึกไว้ในพื้นที่นั้น




ฝันร้ายของฉันกลายเป็นจริงเสียแล้ว

ใครกันบอกว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดี





ฉันแทบหายใจไม่ออก

ร้องไห้จนตัวสั่น

ความเจ็บปวดที่ฉันเก็บมันกดไว้ลึกๆ

บัดนี้พร้อมใจกันพรั่งพรูออกมาสู่เบื้องบนเรียบร้อยแล้ว

และฉันต้องยอมรับอย่างเต็มอกว่า

หมดหนทางที่จะชนะมันได้จริงๆ





ฉันเคยผ่านพบประสบการณ์เช่นนี้

แต่ไม่รุนแรงเท่านี้

ใครต่อใครบอกฉันว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

ฉันก็บอกตัวเองเช่นนั้น




ฉันอยากนอน ฉันง่วงนอน แต่เมื่อทิ้งตัวลงนอน ฉันกลับไปอาจข่มตานอน

ฉันพ่ายแพ้ต่อความรัก ครั้งแล้วครั้งเล่า




ฉันทบทวน

อะไรทำให้ความสัมพันธ์เดินทางมาถึงจุดนี้

เพราะฉันทำตัวไม่ดี

เพราะฉันไม่เข้าใจเธอ

เพราะมันต้องเป็นไป




ฉันคิดถึงความรักของคนอื่นๆ

นึกสงสัยว่าเป็นแบบฉันบ้างหรือไม่

ถ้าคำตอบคือ เป็นเรื่องธรรมดา

พวกเขาจัดการมันอย่างไร

แต่เอาเถอะ ฉันเพียงสงสัยเล่นๆ เท่านั้น

วิธีของคนอื่น อาจไม่ใช่วิธีของเรา

ความรักเป็นเรื่องเฉพาะตัว

เหมือนๆ กับความตายนั่นแหละ






ฉันทำร้ายเขา

ทำให้เขาเจ็บปวดมามาก

เวลาสั้นๆ คงสร้างบาดแผลให้เขานับไม่ถ้วน

แผลที่ทั้งมองเห็นและมองไม่เห็น

และจนวันนี้ แผลนั้นก็ย้อนกลับมาทำร้ายฉันเอง





ไม่ต่างกัน

ฉันเองก็มีแผลไม่ต่างกัน






เมื่อความเงียบงันเข้าครอบคลุมพื้นที่มากกว่าความเข้าใจ

เมื่อข้อความของฉันที่ส่งไปไม่ถูกเปิดอ่าน

เพราะเธอกำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยข้อความจากใครสักคน

หรืออย่างไรนั้น ฉันไม่ทราบได้




เมื่อพื้นที่ของฉัน เธอไม่เข้ามา

เพราะเธออาจกำลังศึกษาพื้นที่ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ

เมื่อน้ำตาของฉันไม่มีค่าอะไร

มากกว่าสร้างความสงสัยเพียงเล็กน้อยให้เธอ


ฉันก็จนปัญญา



เราไม่ควรต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกต่อไป



เมื่อเธอก็เป็นเธอ

สมควรแก่เวลา

ที่ฉันจะเป็นฉันเสียที






ด้วยรัก

ไม่มีแกะน้อยอีกต่อไป

26 พฤษภาคม 2557



ครั้งหนึ่งพฤษภาคมเคยสวยงาม

ครั้งนี้พฤษภาคมช่างโหดร้ายทารุณ


10 พ.ค. 2557

โลกของเรา




ฉันอาจยังเด็กเกินไป

เกินกว่าจะเข้าใจรักที่ยิ่งใหญ่ ในความหมายของเธอ

ฉันยังมีความงี่เง่าอยู่อีกมาก ดังที่เธอทราบดี

ฉันยังโวยวายทุกที กับเรื่องไร้สาระเดิมๆ




ฉันอาจขี้ลืม ลืมว่าควรทำตัวอย่างไรจึงจะถูกใจเธอ

แต่ฉันก็จำได้นะ

จำว่าเธอเคยพูดอะไรไว้

จำคำอธิบายของเธอสำหรับการกระทำอย่างหนึ่ง 

เธอเคยบอกฉันว่า อย่าคิดมากเลย ที่เธอทำแบบนั้น

ถ้าเธอทำอีกแบบอีกสิ ค่อยมาคิด 

ฉันยอมไม่คิดตามที่เธอว่า

มาจนถึงวันนี้

เธอทำอีกแบบที่เคยเอ่ยไว้

ฉันคิดได้แล้วใช่ไหม ฉันถาม

เธอก็ตอบอีกเหมือนเดิมว่า อย่าคิดเลย 





ฉันเคยมีโลกของฉัน

โลกที่ฉันมีใครต่อใคร มีผู้คนมากมายรายล้อม

จนเมื่อเจอเธอ

โลกของฉันก็มีเพียงเธอ

เธอบอกว่าโลกของเธอก็มีเพียงฉัน

เรามีกันและกัน อยู่ในโลกเล็กๆ ของเรา

เธอว่า เป็นอย่างนี้ ดีแล้ว

ฉันพยักหน้า เชื่อตามเธอ




มาวันนี้

เธอบอกว่า เราจำเป็นต้องมีโลก

โลกที่ควรมีคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่เพียงแค่เราสอง

เธอถามฉันว่า ฉันมีเพื่อนไหม

เธอบอกฉันว่า ฉันต้องมีเพื่อนนะ

ฉันทบทวน 

เพื่อนของฉันงั้นหรือ





ฉันจะมีเพื่อนหรือไม่ หาใช่สำคัญ

เธอไปหาเพื่อนของเธอเถิด

ระลึกนึกใคร่ครวญในความทรงจำ

ขุดรื้อเอามิตรสหายในวันวานที่เคยวางไว้

กลับมาปัดฝุ่น สานสัมพันธ์ใหม่

ตามใจเธอเลย




ต่อแต่นี้ ฉันก็คงอยู่ในโลกใบเดิม

แม้ว่าจะไม่มีเธอ




เราอาจอยู่ในโลกเดียวกัน หรือคนละโลก

นั่นไม่สำคัญ

ถึงแม้โลกของเราจะใกล้กัน

ฉันก็จะไม่ล้ำเส้นเธอ...อีกต่อไป





โลกของฉันเงียบเหงาในทุกๆ วัน 

และฉันเคยชินกับมันเสียแล้ว




ฉันเคยมอบเพลงหนึ่งให้เธอ

"กลัวเธอผิดหวัง"

ฉันลืมมอบมันให้ตัวเอง





ไม่ต้องกังวลหรอกนะ

ฉันจะพยายามไม่งี่เง่าให้เธอเห็น ไม่โวยวายให้ระคายหู

ฉันจะยืนอย่างเข้มแข็ง อย่างที่เธอเรียกร้องตลอดมา

ฉันจะดราม่า ครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้าย





จากนี้ต่อไป ฉันจะมีเพียงรอยยิ้มให้เธอ

ดั่งที่มีให้ทุกๆ คน บนโลกใบนี้

ไม่มีใครสำคัญมากกว่า หรือน้อยกว่าใคร

ฉันเรียนรู้แล้ว จากการกระทำของเธอ

ฉันจะเติบโต

ฉันจะแข็งแรง



:)




8 เม.ย. 2557

แพรวา...รสคาราเมลลาเต้







เมื่อก่อนนี้ คนใกล้ตัวจะรู้ดีว่าแพรวากับกาแฟนั้น

ไม่ถูกกัน





ดื่มไม่ได้

คือหมายถึงประมาณว่า

ดื่มแล้วจะมีอาการประหลาดๆ

ไม่ใช่ดื่มแล้วตายไปเลย อันนั้นก็เว่อเกิน

อาการประหลาดที่ว่าก็คือ

จะคลื่นไส้

คลื่นไส้มาก

จะอ้วกให้ได้เลย

อาการนี้จะมีอยู่ราวๆ ครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อยหลังดื่มเสร็จ

แล้วพออาการหาย

ก็จะเริ่มคึกๆ คักๆ





ทว่า พอมีอาการพวกนี้

หลายคนไม่ให้แพรวาดื่ม

ก็ไม่มีใครห้ามได้หรอก เขาแค่เป็นห่วงกัน

ยัยนี่ยิ่งช่างสรรหาป่วยนู่นป่วยนี่

ฮ่าๆๆ





มีกาแฟของแม่เท่านั้น ที่พอจะดื่มได้บ้าง

คือเป็นกาแฟที่สักแต่มีกลิ่นกาแฟเท่านั้น

ใส่กาแฟมาเท่าไข่มดเพื่อให้เรียกได้ว่าเป็นกาแฟ

ที่เหลือเป็นครีมเทียม น้ำตาล และนม หุๆ


นั่นนานๆ ครั้งแม่จะทำให้ดื่ม






ว่ากันถึงเมื่อก่อนแล้ว มาว่ากันเรื่องปัจจุบันบ้าง

ไม่ได้อยากจะเขียนเรื่องอะไรของตัวเองมากนักหรอก

แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิต

ก็เป็นสิทธิของเราที่จะบันทึกเอาไว้นี่นา





เดี๋ยวนี้แพรวากับกาแฟเป็นเพื่อนซี้กันแล้ว

แต่เฉพาะกับกาแฟแค่ชนิดเดียวเท่านั้น

แน่สิ เราจะคบใครเป็นเพื่อนได้

ก็ต้องเป็นคนที่ถูกจริตกัน

ไม่ใช่ว่าใครก็ซี้กันได้

ไม่ใช่ว่ากาแฟอะไรก็ถูกปาก





สำหรับแพรวา

ต้อง คาราเมลลาเต้

หวานๆ

มีฟองนมด้วยยิ่งดี

หอม หวาน กลมกล่อม ชื่นใจ





อ้าว ไม่คลื่นไส้แล้วเหรอ

คลื่นอยู่

เหมือนเดิมแหละ

แต่ก็ยอม

ทำไงได้ ชอบไปแล้วนี่







จะว่าไป

กาแฟนี่ก็เหมือนความรักนะ

(เอิ่ม อารายของแก๊)





กาแฟมาพร้อมอาการคลื่นไส้

ความรักมาพร้อมน้ำตา





แน่นอน ไม่กินก็ได้

แต่โหยหาป่ะ

ชอบไปแล้ว 

คิดถึงเขาไปแล้ว

ถ้าไม่รู้จักกันก็ว่าไปอย่าง

แต่นี่ สนิทกัน เจอกันบ่อยแล้ว เขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราแล้ว

ถ้าไม่มีเขา

ถามว่าอยู่ได้ไหม

ก็อยู่ได้

แต่คล้ายขาดๆ แหว่งๆ

ไม่มีชีวิตชีวา

เหงาหงอย

วันไหนมีคาราเมลลาเต้แล้วอารมณ์ดี

วันไหนไม่มี...ก็ซึมไป (นิดๆ)





ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งติด

ดื่มมากๆ ก็ขาดไม่ได้




เหมือนเธอที่เข้ามาในชีวิต

ฉันมีเธอ

แรกๆ ก็นานทีเจอกัน

เวลาผ่านก็เจอกันบ่อยขึ้น

หลังๆ มา...กลายเป็นขาดเธอไม่ได้...หัวใจขอสารภาพ





กาแฟมีขมมีหวาน

แต่แพรวาไม่ชอบขมๆ 

แพรวาชอบหวานๆ

สั่งคาราเมลลาเต้ ต้องย้ำพนักงานว่า ขอหวานๆ นะคะ

หรือถ้าเดินเข้า 'ตาร์บัคส์ ก็ขอคาราเมล แมคคาชิโอ้ 

ขีดเส้นใต้ตัวหนาๆ

เอาหวานๆ

พร้อมส่งยิ้มให้พนักงาน กรณีที่เป็นผู้ชายหน้าตาดี อิอิ





แพรวาชอบความรักหวานๆ

ชอบความโรแมนติก

ชอบการบอกรัก

(แม้ตัวเองจะไม่ค่อยได้พูดก็เถอะ)

ชอบให้เขาคนนั้นแสดงความรัก

หวานๆ น่ะ เข้าใจมั้ย หวานๆ 

ฮ่าๆๆ






เมื่อก่อนไปนั่งร้านกาแฟ หามุมทำงาน

สั่งชาเย็น

พ่วงเค้กช็อกโกแลตเอย เครปเค้กเอย

เดี๋ยวนี้

คาราเมลลาเต้

แก้วเดียวพอ





ชีวิตก็เช่นกัน

เมื่อไม่มีความรัก

มีเพื่อน มีฝูง มีกลุ่ม มีก้อน มีสังสรรค์ มีปาร์ตี้...มีผู้คนมากมายจึงจะคลายเหงา



แต่พอมีความรัก

แค่เขาคนเดียว...

ก็พอ